Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ผอ.โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เผยมีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาตัวส่งผลให้ต้องกักตัวบุคลากรของโรงพยาบาลรวม 62 คน ล่าสุดส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์เรียบร้อยแล้ว

วันที่ 7 พ.ค.2563 นายแพทย์อินทร์ จันแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส กล่าวถึงกรณีชายอายุ 45 ปี เป็นชาว อ.แว้ง จ.นราธิวาส เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา โดยเข้าพักนอนรักษาตัวที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นห้องพิเศษเดี่ยว ของอาคารเฉลิมพระเกียรติ 51 พรรษา สยามบรมราชกุมารี ต่อมาได้ขอย้ายไปนอนพักรักษาตัวที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นห้องพิเศษเดี่ยว จนกระทั่งมีอาการปอดเริ่มอักเสบ เจ้าหน้าที่จึงได้ย้ายไปรักษาตัวที่ห้อง ไอ.ซี.ยู. เพื่อเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งได้นำสารคัดหลั่งของผู้ป่วยไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ ซึ่งผลออกมายืนยันว่า มีอาการปอดอักเสบเนื่องจากติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ล่าสุดเจ้าหน้าที่ส่งผู้ป่วยรายดังกล่าวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

นายแพทย์อินทร์ กล่าวว่า เมื่อทราบผลยืนยันจากการส่งสารคัดหลั่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการจึงส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนาม และได้ทำความสะอาดห้องพักที่ผู้ป่วยเคยไปนอนรักษาตัว ด้วยการฉีดยาฆ่าเชื้อทุกซอกทุกมุม ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการ

ในส่วนของแพทย์ พยาบาล และบุคคลกรต่างๆ ที่สัมผัสผู้ป่วยมีจำนวน 62 คน แยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยโดยตรงมีประมาณ 20 คน และ 2. กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยทางอ้อม ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย ให้มีการกักตัวเพื่อดูอาการ 14 วัน ซึ่งเชื่อว่าบุคลากรทั้ง 62 คน ที่มีการสวมใส่ชุดป้องกันตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ในระหว่างการรักษาผู้ป่วยทุกรายทุกครั้ง คงปลอดจากอาการติดเชื้อของผู้ป่วยไววัสโควิด 19 รายนี้ เนื่องจากเรามีมาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยทุกกระบวนการ ทางโรงพยาบาลจึงยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่างหวาดวิตกเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าว

ด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานทางการแพทย์  ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และคณะทำงานศูนย์บริหารราชการในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ (EOC.จังหวัดนราธิวาส) ชี้แจงประเด็นที่เป็นกระแสสังคมในโลกโซเชี่ยลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตามที่ปรากฏข่าวลือว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เสียชีวิตขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์  ขอยืนยันว่าขณะนี้ผู้ป่วยรายดังกล่าวยังไม่เสียชีวิต และผู้ป่วยหนักรายนี้ ซึ่งเป็นชาวอำเภอเมืองนราธิวาสมารักษาตัวด้วยอาการเส้นเลือดในสมองอุดตันและได้พบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยจึงทำการรักษามาอย่างต่อเนื่องจนรักษาอาการไวรัสโควิด-19หาย จากนั้นได้ทำการตรวจหาเชื้อเพิ่มในช่วงระหว่างรักษาอาการจากโรคประจำตัว จำนวน 3ครั้ง และทุกครั้งมีผลเป็นลบซึ่งหมายถึงขณะนี้ผู้ป่วยรายนี้ไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งไม่มีอาการที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่ที่ยังไม่สามารถจำหน่ายกลับบ้านได้ เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการป่วยหนักจากโรคประจำตัว คือเส้นเลือดในสมองอุดตัน ต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียูของโรงพยาบาล ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าข่าวการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ของผู้ป่วยรายดังกล่าวไม่เป็นความจริง

ส่วนประเด็นที่มีการต่อว่าผู้ป่วยรายที่ 35 และครอบครัว โดยกล่าวหาว่า ปกปิดข้อมูลการเดินทางกับเจ้าหน้าที่ จนทำให้ต้องกักตัวแพทย์และพยาบาลรวมกว่า60คนนั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คือ ผู้ป่วยได้เข้ามาตรวจอาการครั้งแรกช่วงเดือนมีนาคม 2563 หลังกลับมาจากการชุมนุมศาสนา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แต่ในครั้งนั้นผลการตรวจมีผลเป็นลบไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็ได้กักตัวตามกระบวนการด้านสาธาณสุขจนครบตามกำหนด ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563ได้เข้ามาตรวจรักษาอาการป่วย โดยจากการตรวจสอบบุคคลดังกล่าวมีอาการไข้ และหอบ มีฝ้าเล็กๆในปอด จึงมีการซักประวัติและนำสิ่งส่งตรวจไปตรวจหาไวรัสโควิด-19ซึ่งเมื่อมีผลเป็นบวกจึงส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ พร้อมทั้งตรวจหาเชื้อบุคคลในครอบครัว คือภรรยาและลูกจำนวน 7คนโดยกลุ่มนี้มีผลเป็นลบไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนบุคคลใกล้ชิดหรือกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วยอยู่ระหว่างรอผลตรวจ ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ป่วยและครอบครัวได้ให้ข้อมูลประวัติการเดินทางและรายละเอียดการร่วมกิจกรรมต่างๆกับเจ้าหน้าที่โดยไม่มีการปกปิดข้อมูลใดๆ ส่วนการกักตัวของแพทย์และพยาบาลประจำโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ได้มีการกักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงจำนวน 62 คนโดยแยกเป็นผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยจำนวน 26คน และบุคลากรที่เสี่ยงน้อยเพราะเป็นบุคลากรที่ปฏิบัติงานภายในอาคารดังกล่าวจำนวน 36 คนซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางการแพทย์ที่จะให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกลุ่มเสี่ยงกักตัวตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม โดยดำเนินการตามมาตรการนี้มาตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มิใช่เพิ่งมีการกักตัวเพราะมีผู้ป่วยรายนี้แต่อย่างใด

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า