SHARE

คัดลอกแล้ว

เคพีเอ็มจีเปิดเผยผลการศึกษาประเทศไทยเรื่อง แนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกในปี 2020 : ความเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเป็นจริงในรูปแบบใหม่ พบแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมธุรกิจการค้าปลีกมีให้เห็นตั้งแต่ก่อนจะเกิดวิกฤติโควิด-19 และในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

ธุรกิจค้าปลีกบางแห่งยังมีการเติบโตในขณะที่บางแห่งต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในสถานการณ์ปัจจุบันโควิด-19 ได้กระตุ้นให้แนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจค้าปลีกเกิดเร็วขึ้นใน 4 ด้านหลักๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจ, ความสำคัญของจุดยืนขององค์กร, การมุ่งเน้นในการลดต้นทุน และอำนาจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค

นายเจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวว่า แทนที่สถานการณ์ปัจจุบันจะหยุดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ กลับกลายเป็นว่าทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดเร็วขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้น ใน 4 แนวทาง คือ

แนวทางที่ 1 : การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจ

ก่อนวิกฤติการณ์โควิด-19 การค้าปลีกผ่านหน้าร้านได้รับความนิยมผ่านจุดสูงสุดแล้ว ถึงแม้ว่าร้านค้าที่มีหน้าร้านยังจะสามารถกลับมาเติบโตได้ แต่เห็นได้ชัดว่าจากนี้ไปการเพิ่มยอดขายผ่านหน้าร้านอย่างเดียวนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น ธุรกิจที่ยังไม่มีช่องทางออนไลน์หรือช่องทางการส่งสินค้าจะดำเนินไปได้ยากลำบากขึ้น แต่ละองค์กรจึงจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรเสียใหม่ นอกจากการซื้อและการขายสินค้าแล้ว ธุรกิจยังจำเป็นที่จะต้องพัฒนาปัจจัยอื่นให้ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ การจัดส่งสินค้าถึงลูกค้าโดยตรง การวิเคราะห์ข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ การพัฒนาการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine learning) และการใช้เครื่องจักรในระบบปฏิบัติการอัตโนมัติ ซึ่งหลายองค์กรเองก็กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่จะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้

แนวทางที่ 2 : จุดยืนองค์กรได้รับความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ

ผู้บริโภคตัดสินแบรนด์จากการกระทำและจุดยืนขององค์กร แบรนด์ที่แสดงให้เห็นว่าทำประโยชน์ให้กับประชาชนจะมีการเติบโตมากกว่าแบรนด์ที่ไม่ได้ทำประโยชน์ถึง 2.5 เท่า (ในระยะเวลา 12 ปี) ดังนั้นผู้ประกอบการค้าปลีกจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความโปร่งใสให้กับองค์กร แบรนด์ที่สนับสนุนเกื้อกูลลูกค้าและพนักงานของตนมากกว่าแบรนด์อื่นจะได้รับความไว้วางใจจากสังคมมากขึ้น

แนวทางที่ 3 : พิจารณาทบทวนต้นทุนในการทำธุรกิจ

ผู้ประกอบการค้าปลีกต่างเล็งเห็นว่าการลดต้นทุนโดยใช้วิธีดั้งเดิมนั้นไม่เพียงพอต่อการประคับประคองผลประกอบการและฟื้นฟูธุรกิจได้ ซึ่งรวมไปถึงกลยุทธ์รัดเข็มขัดอย่างเคร่งครัดเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ด้วย ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ตระหนักถึงความจำเป็นที่พวกเขาต้องมีมาตรการที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและต้องมีความชัดเจนหากต้องการที่จะมีกำไรในปีถัดๆ ไป เราคาดว่าจะได้เห็นองค์กรลงทุนเพิ่มคุณค่าให้กับต้นทุนที่มีอยู่เดิมในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้นการพิจารณาทบทวนค่าใช้จ่ายในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การจัดการสินค้าคงคลัง และการวางแผนต้นทุนในการขนส่งและรับสินค้าแล้ว เราจะได้เห็นผู้ค้าปลีกเริ่มทบทวนมูลค่าสินทรัพย์อื่นๆ ขององค์กร โดยเฉพาะร้านค้า พนักงาน และความภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ (Customer loyalty)

แนวทางที่ 4 : ตัวเลือกของผู้บริโภคกลายเป็นที่เพ่งเล็ง

ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการตัวเลือกที่หลากหลายเท่ากับความพร้อมของสินค้าในคลังและการเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงล็อคดาวน์ของสถานการณ์โควิด-19 นั้น ร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างหาวิธีลดจำนวนชนิดของสินค้าที่ขาย โดยเน้นเฉพาะสินค้าที่มีความต้องการสูง ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่อุปทานและการจัดการเงินทุนหมุนเวียนขององค์กรให้ดีขึ้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ธุรกิจค้าปลีกที่จะสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้มี 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจที่เสนอสินค้าที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และธุรกิจที่เสนอขายสินค้าที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการของผู้บริโภค

จาก 4 แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกในปี 2020 นี้ ทำให้เห็นได้ชัดว่า องค์กรจะต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยที่พวกเขาจะต้องพัฒนาโครงการ Customer loyalty หาวิธีการและลักษณะการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าใหม่ๆ มีจุดยืนที่ชัดเจนและโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ และลงทุนในแพล็ตฟอร์มที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจได้

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า