Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ถาวร’ แนะทางออก 5 ข้อ หยุดยั้งภาวะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง พร้อมแฉเบื้องหลังม็อบเชื่อปิยบุตร-ธนาธรใช้เด็กเป็นเครื่องมือหวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง-ล้มสถาบัน

วันที่ 24 พ.ย.2563 นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงเปิดโปงเบื้องหลังการชุมนุมม็อบและขบวนการล้มล้างสถาบันฯ พร้อมไล่เรียงเหตุการณ์การชุมนุมครั้งนี้ โดยระบุว่า มีคนบงการอยู่เบื้องหลังโดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เป็นสะพานเชื่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีเป้าหมายล้มสถาบันฯ แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า “ปฏิรูป” เพราะปรากฏความสอดคล้องระหว่างหลักคิดของคนบงการซึ่งถูกนำไปปฏิบัติในการชุมนุม ซึ่งเป็นหลักคิดชุดเดียวกัน คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบันฯ เพราะคิดว่าสถาบันฯ เป็นอุปสรรคการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง

นายถาวร ระบุว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุลไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอนเรื่อง Thailand in a Deeper State of Crisis? เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2559 กล่าวถึงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ปรากฏตามคลิปวิดีโอและปรากฏตามเอกสารที่เข้าลักษณะทฤษฎีสมคบคิด ขณะที่นายธนาธรที่ได้ร่วมกันสมคบคิด ปรากฏตามหนังสือ Portrait ธนาธร (2561) หน้า 277 การตั้งพรรคอนาคตใหม่พุ่งเป้าสถาบันฯ แต่ลดโทนลงเพื่อลดแรงกดดันจากสังคม จนกระทั่งถูกยุบพรรคเพราะผู้บริหารพรรคทำผิดกฎหมาย

และอีกเหตุการณ์ที่เหยียบย้ำความรู้สึกของคนไทย คือเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562 เกิด Flash Mob ในช่วงบ่ายนายธนาธรไปพูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า มี 2 ทางเลือกในการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่าย หรือ แก้ด้วยเลือด และในวันนั้นมีผู้ร่วมชุมนุมชูป้ายอันมิบังควรอยู่ด้านหลัง ถือเป็นครั้งแรกที่แสดงการจาบจ้วงเชิงสัญลักษณ์ในที่สาธารณะอย่างเปิดเผย

ส.ส.พรคคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ระยะเวลาเพียง 8 เดือนเท่านั้นสามารถยกระดับการชุมนุมต่อต้านสถาบันจากเชิงสัญลักษณ์และปกปิดมาเป็นการเสนอข้อเรียกร้องอย่างเปิดเผย และเป็นการหล่อหลอมความคิดผ่านกระบวนการ Hate Speech ต่อต้านสถาบันฯ ในกลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผ่านเทคโนโลยีโซเซียลมีเดีย และการสนับสนุนของต่างชาติ และบางประเทศมหาอำนาจ อย่างมีประสิทธิภาพ และรัฐบาลตามไม่ทันโดยอ้างว่าปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง แต่ในความเป็นจริงเป็นพฤติกรรมตรงกันข้าม เช่น เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการชุมนุม แต่มุ่งยกระดับโจมตีตำรวจหน้ารัฐสภา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง ซึ่งเป็นไปตามยุทธวิธีสงครามประชาชน และได้ทำมาเป็นลำดับจากการโฆษณาชวนเชื่อ การโจมตีฝ่ายตรงข้าม การบังคับให้เลือกข้างมาจนถึงยกระดับจากการชุมนุมประท้วงเป็นการก่อจราจล โดยมุ่งหวังให้เกิดการก่อวินาศกรรมและสงครามกลางเมืองในที่สุด เกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความรุนแรง การนองเลือด ภาวะรัฐล้มเหลว ซึ่งสอดคล้องกับยุทธวิธีสงครามประชาชนที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเห็นได้จากการไล่เรียงเหตุการณ์มาเป็นลำดับ ดังนี้

• วันที่ 18 พ.ย.63 ผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงและหยาบคาย โดยเฉพาะการโจมตีและสร้างข่าวเท็จใส่ร้ายสมเด็จพระพันปีหลวงฯ…จนนำไปสู่ความโกรธแค้นของประชาชนที่จงรักภักดีจำนวนมากทำให้รัฐบาลต้องออกแถลงการณ์ประกาศบังคับใช้กฎหมายทุกหมวด ทุกมาตรากับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะกฎหมายมาตรา 112

• วันที่ 20 – 21 พ.ย. 63 ผู้ชุมนุมตอบโต้การบังคับใช้กฎหมาย มาดรา 112 โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อม เพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในวันที่ 25 พ.ย.63

• วันที่ 21 พ.ย. 63 ผู้ก่อการเตรียมการยกระดับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงโดยเปลี่ยนการ์ดม็อบ จากการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ พร้อมประกาศรับสมัครการ์ดอาสาใหม่เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธการสงครามประชาชนข้างต้น

• วันที่ 22 พ.ย. 63 การชุมนุมบริเวณถนนอักษะ ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงไปชุมนุมที่นั่น

ข้อเสนอแนวทางออกของประเทศเพื่อหยุดยั้งภาวะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง
1. ผู้บงการทุกระดับชั้นที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ส่วนผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อควรได้รับการยกเว้น
2. นักการเมือง และพรรคการเมืองใดที่ต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ให้ประกาศตัวยอมรับให้ชัดเจนต่อสาธารณชน
3. คัดค้านการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ว่าจะอธิบายขยายความด้วยถ้อยคำความหมายแบบใดก็ตาม
4. คัดค้านการทำรัฐประหารอันจะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองซ้ำเดิม รวมถึงทำให้สถาบันฯ ตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ชุมนุมและต่างชาติ
5. ดำเนินการตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล นักการเมือง และข้าราชการอย่างจริงจังรวมถึงการปฏิรูปนักการเมือง พรรคการเมือง ปฏิรูปประเทศให้เกิดความปรองดอง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า