Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ผลการดำเนินงานสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 100,981 ล้านบาท จำนวน 62,116 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.99% ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2563 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,256,305 ล้านบาท

วันที่ 16 ก.ค.2563 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ว่า ตามที่ภาวะเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ต้นปี 2563 ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มีพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้านสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการธนาคาร โดยนายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคาร ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อบรรเทาผลกระทบ พร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายด้วยการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เป็นจำนวน 100,981 ล้านบาท 62,116 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.99% คิดเป็น 50% ของเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2563 ที่จำนวน 210,000 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้จำนวน 40,504 ราย

ทำให้สิ้นไตรมาสที่ 2/2563 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,256,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.89% สินทรัพย์รวม 1,300,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.52% เงินฝากรวม 1,060,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.76% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 56,827 ล้านบาท คิดเป็น 4.52% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09% หรือเพิ่มขึ้น 0.43% และมีกำไรสุทธิจำนวน 4,831 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 14.87% เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อความมั่นคงและเตรียมความพร้อมกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในอนาคต และรองรับการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ผ่านโครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ ครอบคลุมความช่วยเหลือทั้งการพักชำระเงินต้น พักชำระดอกเบี้ย และลดดอกเบี้ย เป็นต้น

ล่าสุดวันนี้มีลูกค้าแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการแล้วจำนวน 490,725 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 488,024 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งโดย ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 อยู่ 15.35% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

นายฉัตรชัย กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้สินเชื่อปล่อยใหม่ของธนาคารยังคงขยายตัวได้ดี คือ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการจัดทำโปรโมชั่นกระตุ้นการขายของโครงการที่อยู่อาศัย ถือเป็นโอกาสที่ดีในการมีที่อยู่อาศัยของลูกค้าประชาชนที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมถึงมาตรการสนับสนุนของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก มียอดอนุมัติสินเชื่อ 27,870 ราย เต็มกรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท โครงการบ้านดีมีดาวน์ ซึ่งรัฐลดภาระในการซื้อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชน โดยสนับสนุนเงินดาวน์จำนวน 50,000 บาทต่อราย ซี่งมีประชาชนที่ได้รับเงินโอนเรียบร้อยแล้ว 19,549 ราย ขณะที่โครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกรณีลูกค้ารายย่อย โดยเพิ่มราคาซื้อขายและวงเงินกู้เป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาท ล่าสุดมีลูกค้าที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 29,931 ราย วงเงินสินเชื่อ 21,362 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินโครงการ 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2564” นายฉัตรชัย กล่าว

นอกจากนี้ ธอส. ยังพบว่า จากการที่ลูกค้าของธนาคารมีความต้องการและเกิดความคุ้นเคยที่จะใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้นเห็นได้จาก ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ธนาคารมีจำนวนลูกค้าที่สมัครใช้บริการ Application : GHB ALL และยังใช้งานอยู่จำนวน 656,783 บัญชี เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2562 ที่มีจำนวนลูกค้าใช้งานอยู่ 242,180 บัญชี และปัจจุบันลูกค้ามีการทำธุรกรรมการโอนเงินและชำระหนี้เงินกู้ผ่าน GHB ALL จำนวน 509,123 รายการ เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2562 ที่มีการทำธุรกรรมจำนวน 375,981 รายการ หรือเพิ่มขึ้น 35.4% ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับพฤติกรรมของยังลูกค้าและการแข่งขันของธุรกิจสถาบันการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ธนาคารจึงได้จัดทำแผน GHB New Normal Services ด้วยการนำบริการทางการเงินและสินเชื่อไปให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มเติมผ่าน Application : GHB ALL และเว็บไซต์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ www.ghbank.co.th โดยแบ่งระยะเวลาดำเนินการออกเป็น 2 เฟส ประกอบด้วย

เฟสที่ 1 บริการทางด้านการเงินและสินเชื่อ อาทิ สมัครใช้บริการ GHB ALL ด้วยตนเอง เปิดบัญชีใหม่ ชำระเงินผ่อนดาวน์ทรัพย์ NPA ขอ Statement บัญชีเงินฝาก เปลี่ยนแปลงที่อยู่จัดส่งเอกสาร/การติดต่อ ซื้อสลากออมทรัพย์ การนัดหมายเข้าทำธุรกรรม ขอยอดปิดบัญชีเงินกู้ นัดหมายขอรับโฉนด ขอหนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ ขอใบแทนใบเสร็จ และการประมูลทรัพย์ NPA Online ซึ่งจะเปิดให้บริการลูกค้าได้ภายในวันที่ 16 กันยายน 2563 ส่วนเฟสที่ 2 จะเพิ่มบริการ อาทิ ชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินราคาหลักประกัน การรับเงินค่าธรรมเนียมคืนตามโปรโมชั่น การรับเงินของขวัญปีใหม่ที่ธนาคารมอบให้ลูกค้าตามจำนวนที่กำหนด ขอหนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินฝาก ขอตรวจข้อมูลเครดิตบูโร การกู้เพิ่ม และการขอหนังสือรับรองเพื่อเบิกค่าเช่าบ้านตามสิทธิสวัสดิการ ซึ่งจะให้บริการลูกค้าได้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2563

ในด้านแผนการบริหารจัดการด้านเงินฝากเพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยการจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ชุด “พิมานมาศ” หน่วยละ 50,000 บาท ให้ได้ตามเป้า 1,000,000 หน่วย ภายในเดือนกันยายน 2563 โดยล่าสุดจำหน่ายไปแล้วกว่า 380,000 หน่วย ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนดีสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และมีโอกาสถูกรางวัลสูง ฝากครบ 3 ปี จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคิดเป็นผลตอบแทน 0.9% ต่อปี ออกรางวัลทุกเดือน หมวดละ 10 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 50,000 บาท ทุกหน่วย มีโอกาสในการถูกรางวัล 0.01% สูงกว่าสลากทั่วไป และยังสามารถถูกรางวัลซ้ำได้ทุก ๆ เดือน รวมถึงมีโอกาสลุ้นรางวัล Jackpot หมวดละ 2 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 500,000 บาททุกไตรมาส หากถูกรางวัลมูลค่า 50,000 บาท จำนวน 1 ครั้ง ขณะที่ดอกเบี้ยและเงินรางวัลที่ผู้ฝากได้รับจากสลากออมทรัพย์ ธอส. ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ขณะที่ด้านบุคลากรและสาขาของธนาคาร ยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะปรับลดจำนวนพนักงานและผู้ปฏิบัติงานของธนาคารซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 5,000 คน และไม่ลดสาขาที่มีกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ แต่จะมุ่งพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีความสามารถที่จะรองรับการให้บริการรูปแบบใหม่ให้ได้มากยิ่งขึ้น และเชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์ของ COVID-19 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อช่วยให้ประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ไม่น้อยกว่า 170,000 ล้านบาท หรือปล่อยได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ที่ 210,000 ล้านบาทให้ได้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้นต่อไป

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า