เลขา สมช.เผยผลการประชุม ศบค.ชุดเล็ก ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่อง Travel Bubble เพราะมีรายละเอียดหลายด้านที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คาดได้ความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้
วันที่ 17 มิ.ย.2563 พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯ สมช.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีการประชุม ศบค.ชุดเล็กได้หารือถึงกรณี Travel Bubble หรือการจับคู่ประเทศเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีเท่าๆ กัน แต่วันนี้จะยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะจะต้องหารือในรายละเอียดอีกหลายด้าน เนื่องจากยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องนำรายละเอียดมาร่วมหารือกัน เพื่อให้ได้ความชัดเจน แต่ทั้งนี้จะยังไม่มีข้อสรุปหรือกรอบที่ชัดเจนในช่วงสัปดาห์นี้ หรือเร็วๆ นี้ เพราะยังมีความกังวลว่าหากมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอาจจะเกิดความเสี่ยงนำเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลับมาแพร่ระบาดในประเทศไทยได้อีก ดังนั้นนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหารือกันอย่างรอบคอบ
สำหรับมาตรการ travel bubble น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้ผลักดัน travel bubble หรือ การจับคู่ประเทศ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีเท่าๆ กัน ซึ่งเป็นความร่วมมือในลักษณะทวิภาคีด้านการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ทั่วโลกกำลังหันมาสนใจ หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในหลาย ๆ ประเทศเริ่มดีขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ศบค. ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว อยู่ในขั้นของการหารือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหาข้อสรุปในแนวทางการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการเจรจากับประเทศกลุ่มเป้าหมาย ข้อปฏิบัติต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังโรคระบาด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยและทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงหวังให้ travel bubble เป็นจุดเริ่มต้นในการรองรับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย โดยไทยมีจุดแข็งในการรับมือกับโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยระยะแรกจะเปิดรับกลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มที่ต้องการเข้ามารักษาพยาบาลในไทย คาดว่าจะชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณวันละ 1,000 คน ซึ่งเมื่อดำเนินการไปสักระยะหนึ่ง แล้วพบว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ก็จะพิจารณาให้นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เข้ามาตามลำดับ
สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวตามแนวทาง travel bubble จะไม่มีการกักตัว 14 วัน แต่มีมาตรการอื่นรองรับ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย โดยเริ่มจากการเลือกประเทศกลุ่มเป้าหมายที่มีความปลอดภัย สามารถควบคุมโรคได้ดี ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทางและตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางถึงไทย อาจกำหนดพื้นที่ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางไปได้ มีการติดตามตัวผ่านแอปพลิเคชันตลอดเวลาที่อยู่ในเมืองไทย ฯลฯ ที่สำคัญชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในไทยนั้น ล้วนมาจากประเทศที่มีความสามารถรับมือกับโควิด-19 ได้ดีเท่า ๆ กัน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง แม้เจอสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและความสามารถด้านสาธารณสุขของไทย จะกระตุ้นให้ชาวต่างชาติมองเป็นจุดแข็งของประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น และการท่องเที่ยวจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็ว เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกเริ่มดีขึ้น