Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

หลายหน่วยงานเริ่มออกมาเคลื่อนไหวหลังอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องทายาทกระทิงแดง มูลนิธิเมาไม่ขับทำหนังสือจี้ให้อัยการและตำรวจชี้แจงหลักการและเหตุผลสั่งไม่ฟ้อง ขณะที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยร้องศาลยุติธรรมให้ระงับการเพิกถอนหมายจับออกไปก่อน

วันที่ 25 ก.ค.2563 จากกรณีที่อัยการเพิกถอนคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา อดีตผู้ต้องหาคดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ทำให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมด 5 ดคี

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า แม้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของนายบอส อยู่วิทยา จะหมดอายุความไปเกือบหมดแล้วก็ตาม แต่ทว่าข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จะมีมีอายุความถึง 15 ปี โดยจะขาดอายุความในปี 2570 ซึ่งยังมีระยะเวลาอีกหลายปีที่ตำรวจจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำคนผิดมาลงโทษได้

แม้พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาดังกล่าวแล้ว แต่มิได้หมายความว่ามูลคดีจะจบลงไปโดยปริยายหาได้ไม่ ทั้งนี้ การเพิกถอนหมายจับเป็นอำนาจหน้าที่และดุลยพินิจของศาลที่อนุมัติการออกหมายจับดังกล่าว นั่นก็คือ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ได้อนุมัติหมายจับทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังใน 2 ข้อหาคือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร ทำให้นายวรยุทธมีสถานะเป็น ผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาลด้วย

คดีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคดีอาญาของแผ่นดิน เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน การที่อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาสำคัญดังกล่าว และตำรวจก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของอัยการและตำรวจเจ้าของคดี จึงอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัยและความผิดอาญา ซึ่งสมาคมฯจะนำความไปร้อง ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนและสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในสัปดาห์หน้าต่อไป

แต่สำหรับการอนุมัติการเพิกถอนหมายจับของศาลนั้น เป็นดุลยพินิจของศาลอาญากรุงเทพใต้ ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมและเพื่อรักษาบรรทัดฐานทางกฎหมาย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่ขอเรียกร้องไปยังศาลยุติธรรมดังกล่าว เพื่อขอให้ระงับการอนุมัติให้อัยการเพิกถอนหมายจับดังกล่าวไว้ จนกว่าคดีนี้จะหมดอายุความในอีก 7 ปีข้างหน้า เพื่อรอเวลาว่า ณ วันหนึ่งภายใต้อายุความเมื่อนายบอส อยู่วิทยา เดินทางกลับมาภายในประเทศไทย ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งตำรวจให้ดำเนินการจับกุมตัว เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามครรลองของกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐได้ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

มูลนิธิเมาไม่ขับทำหนังสือจี้ชี้แจงหลักการและเหตุผลสั่งไม่ฟ้อง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขอให้ชี้แจงเหตุผลการไม่แย้งคำสั่งนายบอส อยู่วิทยา สาระสำคัญหนังสือถึงอัยการสูงสุด ระบุว่า มูลนิธิเมาไม่ขับ ในฐานะองค์กรขับเคลื่อนการรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมาตั้งแต่ปี 2539 มีความสงสัยต่อกระบวนการยุติธรรมต้นทางในการฟ้องร้อง นำตัวผู้กระทำความผิดขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสะเทือนขวัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นนายตำรวจ ประกอบกับผู้ต้องหาคือนายวรยุทธ ได้หลบหนีไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตนเอง

มูลนิธิเมาไม่ขับจึงขอใช้สิทธิในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อหยุดความตายบนท้องถนน แทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ขอทราบหลักการและเหตุผลในการพิจารณามีคำสั่งไม่ฟ้องคดีต่อนายวรยุทธ เพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อประชาชนทั้งประเทศ อีกทั้งเป็นการดำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันอัยการ ในฐานะทนายของแผ่นดิน

ส่วนหนังสือถึง ผบ.ตร. ระบุว่า มูลนิธิเมาไม่ขับ ในฐานะองค์กรที่ทำงานรณรงค์ และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมาตั้งแต่ปี 2539 มีความสงสัยต่อกระบวนการตัดสินใจของท่าน ในฐานะ ผบ.ตร. เหตุใดจึงไม่แย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ ในการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เนื่องจากคดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชน และผู้เสียชีวิตเป็นนายตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ประการสำคัญพฤติกรรมของนายวรยุทธ มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากหลบหนีไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตนเองในชั้นศาล มูลนิธิเมาไม่ขับจึงขอใช้สิทธิในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อหยุดความตายบนท้องถนน แทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ขอให้ ผบ.ตร. ได้โปรดชี้แจงเหตุผลในการไม่แย้งคำสั่งพนักงานอัยการในคดีของนายวรยุทธ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่ติดตามคดีนี้อยู่ อีกทั้งยังเป็นการดำรงไว้ ซึ่งศักดิ์ศรีของ สตช. ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในฐานะตำรวจของประชาชน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า