ศบค.เล็งต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 13 ราย รักษาหาย 359 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ศบค.เร่งทำ Active Case Fending ใน กทม. ตรวจเชื้อ 1876 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1 ราย ขณะผู้ติดเชื้อใหม่วันนี้ 13 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้สูงอายุมีโรคประจำตัว ส่วนยอดรักษาหายลดลงอย่างต่อเนื่อง 

วันที่ 23 เม.ย.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้น 13 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,839 ราย กลับบ้านแล้ว 2,430 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมผู้ป่วยเสียชีวิต 50 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 359 ราย

ผู้เสียชีวิตรายใหม่วันนี้ เป็นหญิงไทย อายุ 78 ปี โรคประจำตัว หลอดเลือดสมอง 21 มี.ค. เข้ารักษาด้วยอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบ 24 มี.ค. มีอาการไข้/ปอดบวม ส่งตรวจหาเชื้อ พบเป็นผู้ป่วยโควิด-19 หลังจากนั้นอาการแย่ลง และเสียชีวิตลงในวันที่ 21 เม.ย.63 ด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะหายใจล้มเหลว

กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ มาจากกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้า 5 ราย / เดินทางกลับจากจากต่างประเทศ 1 ราย / ไปสถานที่ชุมนุม/ห้าง/ร้าน/ตลาด 1 ราย และ อาชีพเสี่ยง 2 ราย/ พบจากการตรวจพบก่อนทำหัตถการ 1 ราย/ ค้นหาเชิงรุก 3 ราย

นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก หรือ Active case finding ชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ คลินิก ตั้งแต่ 6 มี.ค. -17 เม.ย. ทำการตรวจไปประมาณ 3,000 คน พบผู้ติดเชื้อ 94 คน ตรวจค้นหาเชิงรุกเพิ่มเติม 1876 ราย ในชุมชนแออัดพบผู้ติดเชื้อ 1 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้จะมีเที่ยวบินนำคนไทยกลับบ้าน 4 ประเทศ รวม 401 คน ประกอบด้วย
1. พระภิกษุ(104รูป) ผู้ปฏิบัติธรรมจากอินเดีย 171 คน
2. คนงาน คนไทยในมาเลเซีย 144 คน
3. นักท่องเที่ยว-นักเรียนจากตุรกี 55 คน
4. คนไทยในญี่ปุ่น 31 คน

[คำถามที่น่าสนใจจากสื่อมวลชน]
.
1. เจ้าหน้าที่ด่านสะเดาติดเชื้อจากการไปเยี่ยมญาติทำให้ต้องกันตัวเจ้าหน้าที่ มีมาตรการอย่างไร
– ด่านสะเดาเป็นด่านใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ เจ้าหน้าที่ ตม.ติดเชื้อจากการไปเยี่ยมญาติ ส่งผลให้ต้องกักตัวเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกว่า 100 คนที่ใกล้ชิด ทีมสอบสวนโรคกำลังเร่งหาต้นทางและป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายโรค
ทั้งนี้ชายแดนทั้งมาเลเซียและไทยมีผู้ติดเชื้อทั้ง 2 ประเทศ ต้องร่วมมือกัน ต้องดูแลอย่างดี ไม่ทำให้คนทำงานต้องหายจากหน้างาน เมื่อวาน ผบ.ทบ.ลงพื้นที่และสั่งปิดด่านสะเดาชั่วคราว 7 วัน ต้องรวมด้วยช่วยกัน ตอนนี้มีไทยจากมาเลกลับมาในไทยและอยู่ในสถานที่กักกันกว่า 1 พันคนซึ่งไม่พบผู้ป่วยหรือมีอาการ
.
2. การปรับลดด่านเคอฟิวน์จะส่งผลกระทบหรือไม่ เพราะมีผู้ฝ่าฝืนจำนวนมาก
– กระทรวงสาธารณสุขมีการทำ Active Case Fending คนหาผู้ป่วยเชิงรุก ของตำรวจก็มีเช่นกัน มีสายตรวจตระเวนออกตรวจตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ลดละเลิกพฤติกรรมมั่วสุม เพื่อนบ้านสามารถแจ้งได้ แต่ถ้าเข้าไปตรวจแล้วพบการเล่นพนันเป็นการมั่วสุมจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อจะต้องจับกุม ขอความร่วมมือประชาชนเลิกพฤติกรรม
.
3. มีการรับมือการแพร่ระบาดเชื้อระลอก 2 อย่างไร
– ถ้าออกไปนอกบ้านต้องป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ สัมผัสสิงใดแล้วไม่สัมผัสใบหน้า แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไป แรกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกคนให้ความร่วมมือมาก แต่เมื่อท่านเริ่มผ่อน ผลจะเกิดขึ้นใน 14 วันข้างหน้าไม่ใช่เกิดวันนี้ ขอให้ทุกคนต้องดูหลักอนามัยส่วนตัวเพื่อส่วนรวม และผู้ประกอบการขนส่งมวลชนต้องทำความสะอาด เช่น รถไฟฟ้าเมื่อขึ้นไปแล้วไม่ควรพูดคุยกัน ต้องล้างมือทุกครั้ง เราต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน เราจะอยู่กันได้ เชื่อว่าชุดพฤติกรรมใหม่จะทำให้เราสู้กับโรคนี้ได้ ขอให้เก็บแรงไว้ อย่าเพิ่งการ์ดตก
.
4. การเดินทางระหว่างจังหวัดทำได้หรือไม่
– ต้องศึกษาแต่ละจังหวัด เพราะส่วนกลางได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ก่อนเดินทางอาจโทรสอบถามตำรวจทางหลวง 1193 แต่ที่สำคัญเลยห้ามเดินทางกลางคืน เวลา 22:00 – 04:00 น.
.
5. เดือน พ.ค.เห็นมีหลายจังหวัดเตรียมประกาศปลดล็อกดาวน์
– ผอ.ศบค.แจ้งว่าต้องมีการศึกษาที่ชัดแจงจากหลายฝ่ายต้องประชุมร่วมกัน และมีแนวโน้มยืดระยะเวลาล็อกดาวน์ และอาจจะผ่อนปรนในรูปแบบต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ ข้อมูลต่างๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจ ขอให้รอมติ ศบค. และ ครม.