SHARE

คัดลอกแล้ว

แพทย์แนะล็อกดาวน์กรุงเทพฯ 7 วัน เร่งแก้ปัญหาโควิดเมืองหลวง ย้ำห้ามคนออกต่างจังหวัด เผยช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังสงกรานต์ ผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ใช้เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยฯ

วันที่ 23 มิ.ย. 2564 นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เห็นตัวเลขการระบาดของโควิด-19 รายวันที่ไม่มีแนวโน้มลดลง คงเหนื่อยใจกันทุกคน ในส่วนที่สนใจคือ ปัญหาการดูแลผู้ป่วยอาการหนัก เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่ออัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น และเป็นการดูแลที่ต้องใช้ทรัพยากรทางการแพทย์อย่างมาก

ผู้ป่วยอาการหนักและใช้เครื่องช่่วยหายใจทั่วประเทศในรอบ 2 เดือน ระหว่างวันที่ 24 เม.ย. ถึง 23 มิ.ย. 2564 จะเห็นว่าในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังสงกรานต์ มีผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ใช้เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า แต่หลังจากนั้นตัวเลขที่รายงานค่อนข้างคงที่ พอบริหารจัดการได้ แต่ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา แนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยอาการหนักกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 1,209 ราย เป็น 1,526 ราย แต่จำนวนผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจกลับไม่เพิ่มขึ้น อยู่ที่ประมาณ 400 กว่าราย อันนี้อาจเกิดจากมีการใช้ high flow มากขึ้นแทนการใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือแต่ละโรงพยาบาลต้องใส่เครื่องช่วยหายใจในเตียงผู้ป่วยหนัก หรือผู้ป่วยเสียชีวิตไปก่อนที่จะสามารถใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะตอนนี้เตียงสำหรับผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจเต็มแล้วก็ได้

พวกเราคงต้องป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ นอกจากป้องกันไม่ให้เป็นโควิด-19 แล้ว ก็ยังต้องดูแลตัวเองไม่ให้ป่วยหนักด้วย เพราะเตียงผู้ป่วยอาการหนักด้วยโรคอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจน่าจะมีปัญหามากทีเดียว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หน้างานทุกคนรู้ว่าสภาพเตียงผู้ป่วยหนักของแต่ละโรงพยาบาลตึงมือจริง ๆ และไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้มาก เนื่องจากบุคลากรทุกส่วนของโรงพยาบาลต่าง ๆ ตอนนี้ก็ทำงานกันจนจะไม่ไหวแล้ว

ป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยการอยู่บ้าน เลี่ยงที่ชุมชน อย่าไว้ใจใครทั้งสิ้น ทั้งคนแปลกหน้าและคนที่เรารู้จักดี คิดเสมอว่าทุกคนมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้เรา ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง และหมั่นสังเกตุอาการ ไข้ หวัด เจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น… ถ้ามีอาการให้รีบไปตรวจคัดกรอง และถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมาก็รีบติดต่อเพื่อให้ได้นอนโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนาม ตั้งแต่ยังไม่มีอาการหรืออาการน้อย เรื่องวัคซีนก็อย่าลืมไปฉีดเมื่อนัดฉีดได้นะครับ

โควิด-19 รอบนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้ช่วงสั้น ๆ แต่คงเป็นการต่อสู้แบบมาราธอนครับ ไม่รู้ว่าบุคคลากรทางการแพทย์ที่ตั้งรับรักษาพยาบาลอยู่ หรือประชาชนที่ดูแลตัวเองจะหมดแรงก่อน ถ้ากรรมการกลางไม่สั่งให้หยุดพักเพื่อเติมแรงก่อนจะหมดแรงกันทั้งสองฝ่าย (พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย)

ตอนนี้เหลือทางเลือกไม่มาก หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์โควิดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนี้

  1. ยอดผู้ป่วยใหม่รายวันไม่ลดลงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปเกิน 4 หลัก
  2. อัตราการตรวจพบเชื้อรายใหม่ ในการตรวจเชิงรับ คือ ตรวจผู้ที่เข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลทั้งเล็กและใหญ่ ทั้งรัฐและเอกชน สูงกว่า 10% ทั้ง ๆ ที่แต่ละโรงพยายามตรวจให้น้อยเพราะไม่มีเตียงรับผู้ป่วยถ้าผลเป็นบวก
  3. มีสัดส่วนผู้ป่วยเด็กมากขึ้นกว่าระลอกก่อนๆ แสดงว่าโรคระบาดซึมลึกเข้าไปในครอบครัวและชุมชน โชคดีว่ากลุ่มนี้อาการไม่รุนแรง แต่สร้างปัญหาการจัดเตรียมเตียงดูแลทั้งใน รพ.หลัก และรพ.สนาม สำหรับเด็กอายุน้อย
  4. มีสัดส่วนผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรังเสี่ยงมากขึ้น แสดงว่าโรคระบาดซึมลึกเข้าไปในครอบครัวและชุมชนอีกเช่นกัน ทำให้การใช้เตียงใน รพ.หลักติดขัด จำนวนเตียงระดับ 2 และ 3 ที่ขยายศักยภาพมาหลายรอบเหลือไม่ถึง 5% ตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต กลับมาเพิ่มขึ้นใหม่และอาจทำนิวไฮ

นพ.นิธิพัฒน์  ระบุว่า ถึงตรงนี้เราไม่สามารถเพิ่มเตียงระดับ 2 และ 3 ไปมากกว่านี้ได้แล้ว เพราะติดขัดเรื่องกำลังคน ถ้าปล่อยให้มีผู้ป่วยใหม่ที่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลหลักเพิ่มขึ้นเร็ว ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะต้องนำไปดูแลรักษาในพื้นที่ทั่วไปที่ไม่ได้เตรียมไว้สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด ทำให้ผู้ป่วยอื่นได้รับการบริการลดกว่ามาตรฐานมาก (เดิมลดบ้างพอรับได้) ทำให้ผู้ป่วยโควิดไม่ได้รับการดูแลเต็มที่เพราะคนและเครื่องมือติดตามไม่พอ และท้ายสุดทำให้บุคลากรและผู้ป่วยอื่นเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล

คำตอบสุดท้ายสำหรับวิกฤตโควิดระลอก4 คือ การล็อกดาวน์กรุงเทพอย่างน้อย 7 วัน เพื่อเร่งจัดการปัญหาค้างคา และลดปัญหาใหม่ที่จะพอกพูนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าที่กว่ามาตรการเด็ดขาดเพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชนจะเห็นผล และที่สำคัญถ้าจะทำตามที่เสนอนี้ ต้องห้ามไม่ให้คนกรุงเทพฯ แตกรังออกต่างจังหวัดเหมือนที่เคยทำพลาดมาแล้วช่วงสงกรานต์

ที่มา https://www.facebook.com/photo/?fbid=4079455805464647&set=a.111287832281484

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า