ดราม่าวงการแพทย์ปมหมอไล่คนไข้กลับบ้านกลางดึก ลั่นไม่ใช่คนไข้ด่วน เกือบตายค่อยมา ด้าน รมว.สาธารณสุข สั่งการ สสจ.เชียงใหม่ สอบสวนข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย ย้ำชัดแพทย์ต้องไม่ปฏิเสธรักษาคนไข้
จากเหตุการณ์ลูกสาวขับรถพาแม่ป่วยลงจากดอยใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไปมาหาหมอโรงพยาบาลเชียงดาวกลางดึก ให้ช่วยรักษาแม่ที่ป่วยด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ท้องเสีย แต่หมอให้กลับบ้าน พร้อมระบุว่าไม่ได้ป่วยฉุกเฉิน โดยหมอย้ำว่าอาการคนไข้ด่วน คือ หายใจเร็ว เกือบตาย จะคลอดลูกมีแค่นี้
ขณะที่ลูกสาวผู้ป่วยพยายามอธิบายว่าแม่ป่วยเป็นไข้ ปวดเนื้อปวดตัว ไม่ไหวจึงพามาหาหมอ ไม่มีใครอยากเดินทางมาดึกๆ เพราะเดินทางลำบาก จะไม่ตรวจไม่วัดความดันไม่ฉีดยาก่อนเลยหรือ ก่อนจะมีการโต้เถียงกันระหว่างหมอและลูกสาวผู้ป่วย แต่สุดท้ายหมอได้ตรวจเช็คร่างกายผู้ป่วยให้ โดยมีพยาบาลแนะนำให้กินยาพาราทุก 4 ชั่วโมงไปก่อนแล้วให้กลับบ้าน จากนั้นให้มาตรวจรักษาใหม่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกสาวของผู้ป่วยได้ถ่ายคลิปไว้ พร้อมเผยแพร่ในโลกโซเชียลจนกลายเป็นกระแสดราม่า
ล่าสุดวันนี้ (2 พ.ย. 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับทราบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเชียงดาว ได้สั่งการให้สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่สอบสวนข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย และย้ำว่าในฐานะที่เป็นแพทย์ต้องไม่ปฏิเสธรักษาคนไข้ ในมุมมองส่วนตัวเห็นว่า ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงที่จะต้องไปลงโทษหนัก แค่ตักเตือนกำชับไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ด้าน สสจ.เชียงใหม่ ได้ทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเชียงดาวที่อยู่ในที่เกิดเหตุสอบถามแล้ว พร้อมเชิญญาติผู้ป่วยมาสอบถามอีกด้านด้วย ก่อนจะตัดสินใจว่าจะมีการตั้งกรรมการสอบหรือไม่
ขณะที่ลูกสาวผู้ป่วย กล่าวว่า หลังจากพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเชียงดาว แม่ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ขอกินยาจากคลินิก ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือทรุดลงอีกก็จะไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงดาว ขอไปรักษาที่อื่นแทน ลูกสาวจึงอยากจะฝากบอกหมอในคลิปให้ปรับปรุงพฤติกรรม การพูดจา อธิบายกับคนไข้ให้ดีกว่านี้ ยืนยันว่าไม่เคยพูดจาไม่ดีใส่หมอก่อน และอยากให้นำภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาลมายืนยัน
ลูกสาวผู้ป่วย บอกว่า รู้สึกแย่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเพราะพวกเราเป็นชาวดอย ไม่มีความรู้หรือเปล่า จึงทำให้หมอไม่รับรักษา