Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

อดีตที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ที่ผ่านมา สอนอะไรเราบ้าง แล้วอนาคตที่รอเราอยู่ล่ะ จะมีอะไรเกิดขึ้น…ไม่มีใครรู้

เมื่อ “ปีใหม่” เวียนมาบรรจบอีกครั้ง “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” จึงได้นำข้อคิดสอนใจมาฝากทุกท่าน ที่แม้ว่าช่วงเวลาปีใหม่จะผ่านไปอีกกี่ครั้ง คุณก็ยังหยิบมาอ่านได้อีกเสมอๆ

 

  1. อย่าทำตัวเป็น “ดินพอกหางหมู” ควรแบ่งเวลาให้เป็น

อยากออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แต่งานเก่าก็ยังเคลียร์ไม่เสร็จ แถมดูท่าว่างานใหม่ก็กำลังจะจ่อเข้ามาอีก นึกถึงที่ห้องนอน ก็รกเหลือทน อยากจัดใหม่เหลือเกิน ทุกอย่างดูหมักหมม สะสมเต็มไปหมด เหมือน “ดินพอกหางหมู” มีแต่กิจกรรมที่ต้องสะสางและอยากทำในเวลาเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรเสร็จสักอย่าง

ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง ดังนั้น คุณต้องรู้จักแบ่งเวลา ทั้งเวลางาน เวลาเที่ยวกับเพื่อน และเวลาส่วนตัว เพื่อค่อยๆ สะสางสิ่งที่คั่งค้างให้เสร็จ เริ่มจากสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจัดการก่อน ค่อยๆ ทำไปทีละเรื่อง แล้วคุณจะรู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลย ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีก ให้ของขวัญตัวเองด้วยการทำให้ปีใหม่ปีนี้ เป็นปีที่ “ใหม่” สำหรับคุณจริงๆ

  1. สนุกอย่างมีสติ “เมา/ง่วง ไม่ขับ” และ “อย่าประมาท”

“มีสติ ก่อนสตาร์ต” กี่ปีๆ ก็ต้องมีการออกมาเตือนกันอยู่เสมอว่า “เมาไม่ขับ”, “ง่วงไม่ขับ”, “อย่าประมาท” เพราะแม้จะเตือนบ่อยแค่ไหน แต่อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นทุกปีใหม่ ทุกเทศกาล และทุกๆ วัน คำว่า “7 วันอันตราย” คงหมดความหมาย ถ้าเราต่างมีสติ สนุกแต่พอดี ในช่วงเวลาที่เราต่างเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข หลายคนมักหลงลืม “คำเตือน” นี้ไป เพราะมันยังไม่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง แต่…อย่าให้เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องเกิดขึ้นกับตัวคุณ คนที่คุณรัก หรือแม้แต่กับคนอื่นเลย เพราะความเสียใจ คือแผลที่ไม่มีวันหาย สำหรับคนที่อยู่ข้างหลัง สิ่งที่เกิดขึ้นจากความเมา ความง่วง ไปจนถึงความประมาท มักให้ผลเป็น “ความพิการ” หรือ “เสียชีวิต”

ก่อนออกจากบ้าน ตรวจตรารถของคุณสักหน่อย เติมลมยางหรือยัง เบรกปกติดีไหม ไปเจอเพื่อน สังสรรค์กัน เมาหรือยัง ถ้าเมา กลับแท็กซี่ดีกว่า หรือไม่ก็นอนบ้านเพื่อน ง่วงหรือเปล่า ถ้าง่วงก็แวะจอดพักที่ไหนสักแห่งที่ปลอดภัย เพื่อชีวิตของคุณ คนที่คุณรัก และคนอื่น ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ร่วมใช้ท้องถนนเดียวกันกับคุณ

 

  1. ใช้เงินได้ ออมเงินเป็น

ปาร์ตี้ทีไร ใช้เงินทุกที จะไปเที่ยว ไปเฮฮา ไปหาความสุขใส่ตัว ล้วนแต่ต้องใช้เงิน แล้วเวลาที่คุณได้เงินมา เช่น เวลาที่เงินเดือนออก หรือได้โบนัส นอกจากเรื่องที่ต้องใช้จ่าย ไม่ว่าจะเรื่องชีวิตส่วนตัว การเคลียร์หนี้ การแบ่งเงินให้พ่อแม่ใช้ การจ่ายค่าเทอมลูก ฯลฯ คุณมีแบ่งเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือยามแก่เฒ่าบ้างหรือเปล่า

แม้เงินจะไม่ใช่ปัจจัยสี่ แต่คุณก็รู้ใช่ไหมว่า “เงิน” สำคัญต่อการดำรงชีวิต ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรู้จัก “ออมเงิน” ไม่ว่าจะนำเงินไปฝากธนาคาร หรือเลือกต่อยอดเงินของคุณด้วยวิธีใดก็ตาม ซึ่งควรศึกษารายละเอียดให้ดี รอบคอบ เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่า ในอนาคตคุณจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนเมื่อไร

แม้แต่บุคคลสำคัญของโลกอย่าง “สตีฟ จอบส์” ก็ให้ความสำคัญกับ “การออม” เป็นอย่างยิ่งเช่นกัน โดยได้เคยกล่าวถึงเรื่องการออมเงินไว้ว่า “ถึงแม้การออมเงินไปพร้อมกับการที่คุณจำเป็นต้องชำระหนี้สินเป็นเรื่องยาก แต่คุณก็ควรจะให้ความสำคัญกับการออมเงินเป็นอันดับแรก เพราะวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเดินไปถึงเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวคุณเองในระยะยาวด้วย”

    1. มีเป้าหมาย ลงมือทำ และพยายาม

“ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น”

ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเคยเตือนสติพวกเรา ผ่านทาง ส.ค.ส. ซึ่งพระราชทานให้แก่ราษฎรชาวไทยเมื่อปี พ.ศ.2555 เพื่อให้คนไทยทั้งหลายมีความเพียร เช่นเดียวกับพระมหาชนก ที่ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียร จนรอดชีวิต ประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากการกระทำ ไม่ได้เกิดแค่เพียงคิด

นานแค่ไหนแล้ว ที่คุณมีสิ่งที่อยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้สักที อย่าเอาแต่คิด หากวันใดที่คุณเกิดท้อขึ้นมา คำสอนของพระองค์ท่านคือความจริง เป็นคัมภีร์สู่ความสำเร็จให้คุณอยู่เสมอ

 

  1. รู้จักควบคุมอารมณ์

ปีใหม่แล้ว คุมอารมณ์กันได้มากขึ้นไหม แน่นอนล่ะ เวลาที่ ”โกรธ” น้อยคนนักที่จะควบคุมอารมณ์ได้ แต่ความฉุนเฉียว โกรธเกรี้ยว มักทำให้คนดีๆ พ่นคำหยาบคาย คุมสติ คุมพฤติกรรมของตัวเองไม่ได้ จึงกลายเป็นปิศาจในร่างคน และนั่นย่อมนำพาความเสียหายมาสู่ตัวเอง สิ่งใดที่ออกไปจากปากเราแล้ว เราเรียกให้มันกลับคืนมาไม่ได้ ปราชญ์หลายท่านจึงเลือกใช้วิธี “ทำสมาธิ” และฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคน หรือสิ่งใดก็ตามที่ทำให้โกรธ

การรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเอง ยังรวมไปถึงการรู้จักถนอมน้ำใจผู้อื่น โดยเฉพาะกับเพื่อน หรือ “กัลยาณมิตร” ซึ่งมันต้องมีบ้างแหละที่คุยกันไม่เข้าใจ แต่อย่าให้ความโกรธ หรืออารมณ์โมโห มาทำให้คุณเสียเพื่อนเลย ถนอมน้ำใจกันไว้ เพื่อให้เส้นทางชีวิตของคุณมี “เพื่อน” ที่เป็นเพื่อนที่จริงใจ มีความปรารถนาดีให้คุณจริงๆ

“ดังตฤณ” นักเขียนชื่อดัง ได้ให้ข้อคิดเตือนสติในเรื่องดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจมากมาย อาทิ

“อายุบอกความแก่…การควบคุมอารมณ์บอกระดับอาวุโส”

“ถ้าปากยังพ่นไฟ ใจก็ไม่มีทางเย็น”

“ผลของความเคียดแค้นคือใจที่ดำ และสิ่งเดียวที่จะได้รับจากความตายในขณะใจดำคือ ภพที่มืด”

“ที่สุดของการล้างแค้น คือการรบกับความมืดในใจต่อ”

“วิธีแก้แค้นที่ดีที่สุด จึงไม่ใช่ทำให้ใครตาย แต่เป็นการทำให้ความเกลียดจางหายไปจากใจเราเอง”

  1. ยอมรับความจริง

อาจมีบางเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่เข้ามากระทบจิตใจของคุณให้มัวหมอง และมีความทุกข์ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ที่อาจไม่เป็นอย่างใจ ไม่ได้โบนัส ไม่ได้เลื่อนขั้น ถูกแขวน ถูกกลั่นแกล้ง หรือเรื่องความรัก ที่คนโสดอยากมีคู่ แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาสักที หรือคนมีคู่ แต่อยู่ด้วยกันแล้วมีแต่เรื่อง ไม่มีความสุข เรื่องครอบครัว ที่สามีไม่ซื่อสัตย์ ภรรยาขี้เกียจ ลูกไม่เอาไหน พ่อขี้เมา แม่ขี้บ่น หรือแม้แต่การเบื่อตัวเอง ที่แก้นิสัยบางอย่างไม่ได้สักที

ทุกเรื่อง ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว หน้าที่ของคุณคือ “ยอมรับความจริง” แต่อย่าก้มหน้ายอมจำนนให้กับความผิดหวังเหล่านั้น จงมองปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเหตุและผล แล้วค่อยๆ หาทางแก้ไขอย่างมีสติ เชื่อสิว่ารอด

 

  1. ใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจัง

อย่าอ้างปีใหม่ เพื่อตามใจตัวเอง ที่ผ่านมาคุณอาจตามใจตัวเองมากไปหรือเปล่า หรือไม่ได้สนใจว่าตอนนี้สุขภาพของคุณเป็นอย่างไรแล้ว คุณยังคงอ้วนและกินไม่หยุดอยู่ไหม คุณยังออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนเป็นประจำหรือเปล่า คุณยังทำงานโต้รุ่งไม่หลับไม่นอน คุณยังสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนจนดึกดื่นเสมอๆ สนุกกับแคปชั่น #นอนน้อยแต่นอนนะ อยู่ไหม คุณยังไม่ได้นอนเลยเพราะติดซีรีส์เกาหลีหรือไม่ เหล่านี้คือพฤติกรรมเสี่ยงที่คุณเองก็รู้ว่ามันไม่ดี

ดังนั้น หยุด และปรับปรุงตัวเองใหม่ ยังไม่สาย ถ้าคุณยังไม่ป่วย อย่ารอให้ป่วย เพราะถึงวันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้ไขมันอีก ชีวิตไม่ใช่รถ ที่เมื่อสึกหรอก็เอาเข้าศูนย์ซ่อมบำรุงได้ แต่ชีวิต เมื่อเสียแล้ว นั่นคือ “เสียชีวิต” คุณไม่อาจเรียกมันกลับคืนมาได้อีกแล้ว

  1. จง “ให้” เมื่อมีโอกาส และไม่เดือดร้อน

“ปีใหม่” เป็นวันที่หลายคนรอคอย จะได้ออกไปสนุก สังสรรค์เฮฮากับเพื่อน หรือพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด เช่นเดียวกับ “ผู้ด้อยโอกาส” ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ที่รอคอยใครสักคนมาหา หรือเอาของขวัญมาให้ คุณอาจลองเปลี่ยนปีใหม่ของคุณเป็นการ “ให้” แก่ผู้คนที่รอคอยดู ไม่แน่ว่า…อาจเป็นปีใหม่ปีแรกที่คุณสุขหัวใจอย่างบอกไม่ถูก หรืออาจจะลองเปลี่ยนมาเป็นจิตอาสาในช่วงเทศกาลดูบ้าง

หรือถ้าใครไม่สะดวก การ “ให้” ยังสามารถทำในรูปแบบอื่นๆ ได้อีกมาก เช่น หากคุณยังไม่เคยให้เงินพ่อแม่เลย ก็ลองให้ปีใหม่ปีนี้เป็นฤกษ์งามยามดี ที่คุณจะกลับบ้านไปหาพ่อแม่ ไปให้เงินท่าน หรือไปช่วยท่านทำความสะอาดบ้าน พาท่านไปทานข้าว หรือคุณอาจแบ่งเงินโบนัส ซื้อเครื่องดื่มหรือขนมเล็กๆ น้อยๆ แจก รปภ. หรือแม่บ้านที่ออฟฟิศ, ไปบริจาคโลหิต หรือให้อะไรก็ตามที่คุณให้ได้โดยไม่เดือดร้อนตัวเองและคนอื่น

เชื่อสิว่า ยิ่งให้…ยิ่งได้

 

  1. รักตัวเองให้เป็น รักคนอื่นให้เป็น

ปีใหม่แล้ว เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เปลี่ยนความคิดให้มองโลกตามความเป็นจริง ในทัศนคติที่ดีขึ้น คนเรานั้นมีทั้งคนชอบและคนชัง สิ่งสำคัญคือใจของคุณ คุณต้องรักตัวเองให้เป็น ซึ่งนอกจากการดูแลสุขภาพกายให้ดีแล้ว คุณยังต้องหมั่นสำรวจสุขภาพใจของคุณด้วย หากคุณต้องเจอคนที่ไม่ชอบคุณ จงอย่าถามหาเหตุผล อย่าได้แคร์กับสายตาหรือคำพูดที่บั่นทอน แต่ให้พิจารณาว่าคำที่เขาพูดนั้นจริงหรือไม่ หากการตำหนิเป็นเรื่องจริงที่นำมาปรับปรุงได้ คุณก็แค่นำมาปรับตัวเอง แต่หากมันไม่จริง ก็ไม่ต้องสนใจ และนิ่งเฉยเสีย มองเขาด้วยความเมตตาสงสาร ที่ไม่ใช่การเหน็บแนม กระแนะกระแหน เพราะนั่นก็เท่ากับว่าคุณเองก็ไม่ต่างอะไรกับเขา เมื่อเมตตาแล้ว ความสงบก็จะเกิดขึ้นในใจของคุณเอง

ส่วนคนที่อาจกำลังเผชิญกับปัญหาความรัก ไม่ว่าจะกับแฟน หรือกับเพื่อน อาจทะเลาะกัน หรือถูกบอกเลิก จงให้คุณค่ากับตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดี และให้ความรักต่อผู้อื่นแบบพอดี มีเหตุผล เมื่อคุณดูแลตัวเองได้ดีพอ เดี๋ยวเรื่องดีๆ ก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตคุณเองนั่นแหละ

  1. วันนี้มีเพียงครั้งเดียว

ชีวิตคนเราสั้นนัก คำสอนในทางธรรมจึงย้ำเตือนสติให้เราทุกคนหมั่นระลึกรู้อยู่เสมอว่า “เกิดขึ้น ตังอยู่ ดับไป” ไม่มีอะไรที่จะอยู่ยั้งยืนยง มีเพียง “ความดี” และ “ความเลว” ที่คุณสร้างไว้เท่านั้น ที่จะยังอยู่ให้คนกล่าวถึง

ดังนั้น ในวันนี้ อยากทำอะไร ที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร จงรีบทำ ดังคำกล่าวของ “กุหลาบ สายประดิษฐ์” นักคิด นักเขียนผู้ใช้นามปากกาว่า “ศรีบูรพา” ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่นของโลกจากองค์การยูเนสโก ที่ว่า

“วันนี้มีเพียงครั้งเดียว และจะไม่กลับมาอีก อย่าปล่อยให้เวลาล่วงไปโดยไร้ประโยชน์”

 

ขอให้ “ปีใหม่” ของคุณ เป็นปีที่ดี ทั้งทางร่างกายและจิตใจนะคะ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า