SHARE

คัดลอกแล้ว

กรมอนามัยร่วมกับองค์การอนามัยโลก ยูนิเซฟ และมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เสริมพลังนมแม่ แนะเทคนิคดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี รณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

วันที่ 5 ส.ค. 2562 พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวรณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเดือนวันแม่แห่งชาติและสัปดาห์นมแม่โลก ภายใต้แนวคิด “Empower Parents Enable Breastfeeding เสริมพลังพ่อแม่ เพื่อนมแม่ยั่งยืน” ณ ห้องประชุมกำธร สุวรรณกิจ อาคาร 1 ชั้น 1 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ว่า จากข้อมูลการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย Multi-indicator cluster survey ที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ในปี 2559 พบว่ามีทารกไทยเพียงร้อยละ 40 ได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และเพียงร้อยละ 23 ที่ได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต และมีทารกเพียงร้อยละ 13 ที่ได้กินนมแม่ต่อเนื่องถึง 2 ปี โดยภายในปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าหมายให้อัตราการกินนมแม่อย่างเดียวของทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อยร้อยละ 50 สอดคล้องกับเป้าหมายโลกที่ทุกประเทศตั้งไว้ร่วมกันเมื่อปี 2555

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า มแม่เป็นอาหารที่ดี และเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กเพราะมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่มีคุณค่าเหมาะกับการเจริญเติบโตของเด็ก และมีภูมิคุ้มกันโรคที่ไม่สามารถหาได้จากอาหารอื่น ซึ่งควรให้ลูกดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียว 6 เดือน เทคนิคสำคัญ คือ 3 ดูด ได้แก่ 1) ดูดเร็ว ให้ลูกดูดนมทันทีหลังคลอด ภายใน 1 ชั่วโมง 2) ดูดบ่อย ให้ลูกดูดนมอย่างน้อยทุก 2-3 ชั่วโมง 3) ดูดถูกวิธี ให้ลูกดูดนมจากอกแม่อย่างถูกวิธี และในแต่ละครั้งควรให้ลูกดูดนมให้เกลี้ยงเต้า เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมใหม่ของคุณแม่ให้เพิ่มขึ้นตามความต้องการของลูกน้อยอีกด้วย

อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลกปีนี้ กรมอนามัยขอเน้นย้ำให้ทุกคนในสังคมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เด็กทุกคนได้กินนมแม่ได้สำเร็จด้วยการร่วมมือกันสนับสนุนสิทธิสตรีทำหน้าที่แม่ โดยการสร้างสิ่งแวดล้อมรอบด้านให้เป็นมิตรกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย 3 มาตรการสำคัญ ได้แก่

1) การปกป้อง สิทธิและสุขภาพของเด็กทุกคนไม่ให้เสียโอกาสในการกินนมแม่ ซึงปัจจุบันมีพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560 ควบคุมกำกับ

2) การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยให้แม่มีความรู้ ทัศนคติและความตั้งใจที่จะให้นมลูก และพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้ได้ตามมาตรฐานโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก รวมทั้งพัฒนาศักยภาพพยาบาลนมแม่ เพื่อให้ความช่วยเหลือดูแลและแก้ไขปัญหาให้กับหญิงตั้งครรภ์และให้นมลูก

3) การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้าน เราพบว่าเหตุผลหลักข้อหนึ่งที่ทำให้แม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ ต้องฝากลูกไว้กับปู่ย่าตายาย กรมอนามัยจึงมีการขับเคลื่อนโครงการนำร่องเพื่อช่วยสนับสนุนการขนส่งนมแม่ข้ามจังหวัดสำหรับแม่ทำงานโดยได้นำร่องในเขตสุขภาพที่ 7 จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ โดยได้รับความอนุเคราะห์จากภาคเอกชนผู้ประกอบธุรกิจสายการบินและรถโดยสารประจำทาง ทำให้การขนส่งนมของคุณแม่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

นายฮิว เดลานี รักษาการผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า องค์การยูนิเซฟแนะนำให้เด็กทุกคนกินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก เพื่อช่วยให้เด็กได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดและมีภูมิคุ้มกัน แต่ปัจจุบัน มีเด็กในประเทศไทยเพียง 1 ใน 5 คนเท่านั้นที่ได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวจนครบ 6 เดือน ซึ่งอาจมีผลมาจากหลากหลายสาเหตุ เช่น ค่านิยมที่มักให้อาหารกึ่งเหลวกับเด็กทารกก่อน 6 เดือน หรือพ่อแม่บางคนยังมีความเข้าใจผิดว่าลูกหิวน้ำ หรือต้องการล้างปากเด็ก คุณแม่บางท่านอาจกังวลเรื่องคุณภาพนมของตนหรือคิดว่านมไม่พอ นอกจากนี้ คุณแม่จำนวนมากยังขาดแรงสนับสนุนจากที่ทำงานเรื่องการให้สิทธิการลา หรือเมื่อกลับไปทำงานแล้ว ที่ทำงานก็ไม่มีพื้นที่เหมาะสมให้แม่บีบเก็บน้ำนมได้

Dr Renu Garg, Medical Officer องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับทารก และประโยชน์ของนมแม่นั้นมีต่อเนื่องไปตลอดชีวิต การเสริมพลังพ่อแม่ให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นั้น รัฐบาลควรพิจารณาดำเนินนโยบายที่ช่วยสนับสนุนครอบครัวในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น การให้สิทธิลาเลี้ยงดูบุตรแบบได้รับค่าจ้างเพื่อช่วยให้พ่อแม่สามารถเลี้ยงดูและผูกพันกับเด็กในช่วงแรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การดำเนินงานของศูนย์ นมแม่ฯที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการเสริมพลังให้กับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ให้การช่วยเหลือดูแล ในกรณีที่แม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จวบจนแม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ทางมูลนิธิฯ มีการจัดตั้งกลุ่มอาสา โดยการนำคุณแม่ที่ประสบความสำเร็จที่มีจิตอาสา มาเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือคุณแม่ที่ประสบปัญหา ให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ โดย“แม่ช่วยแม่” และอีกช่องทางหนึ่ง คือ ทางมูลนิธิฯ มีเว็ปไซต์เพื่อการสื่อสารข้อมูลวิชาการต่าง ๆ ให้สำหรับคุณแม่ที่สนใจหรือมีปัญหา ข้อสงสัย สามารถเข้ามาเยี่ยมชม หาความรู้ได้ หรือตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และอีกหนึ่งกิจกรรมที่มูลนิธิฯ ดำเนินการคือ การประสานงานระหว่างหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน องค์กรอิสระ เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบการ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้แม่ทำงานที่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนประสบความสำเร็จ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า