สธ.ย้ำแพทย์มีมาตรฐานการรักษาโรค ชี้ฤดูฝนไม่ส่งผลกระการระบาดเชื้อโควิด-19 ขาขึ้น

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันแพทย์มีมาตรฐานวิชาชีพปฏิบัติต่อผู้ป่วยเท่าเทียวกัน พร้อมแนะนำการผู้มีความเสียงสูงไม่ได้หมายความว่าจะติดเชื้อโควิด-19 ทุกคน

วันที่ 3 เม.ย.2563 นพ.ธนรักษ์ ผลพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ามีการเก็บเครื่องช่วยหายใจไว้ให้ผู้ป่วยวีไอพีว่า ทุกประเทศมีอุปกรณ์เพียงพอสำหรับผู้ป่วยและมีสำรองไว้จำนวนหนึ่ง ตอนนี้เราพยายามบริหารจัดการให้ดีที่สุดไม่มีการแยกว่าใครเป็นอย่างไร ทุกคนเหมือนกัน แพทย์ดูแลทุกคนตามความเสี่ยงยืนยันว่า แพทย์มีมาตรฐานในวิชาชีพ เรื่องที่เป็นข่าวออกมาไม่เป็นความจริง ทีมแพทย์ดำเนินการรักษาไปตามข้อบ่งชี้ของผู้ป่วยแต่ละคน

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงกับการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ว่า ช่วงขาขึ้นของโรคไม่ว่าจะเป็นฤดูการไหนโรคก็จะแพร่ไปได้ค่อนข้างเร็ว สิ่งที่เราต้องระมัดระวังยังเป็นเรื่องเดิมคือ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้าน ถ้าออกจากบ้านจะต้องเลี่ยงที่แออัด ใส่หน้ากากผ้า อยู่ห่างคน ล้างมือบ่อย ตรวจสอบข่าวสถานการณ์จากแห่งที่เชื้อถือได้นำมาวิเคราะห์แต่อย่าให้เกิดความกังวลมากเกินไป

นอกจากนี้นพ.ธนรักษ์ กล่าวถึงการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ที่จังหวัดปทุมธานี พร้อมให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวของคนในชุมชนและผู้อยู่ร่วมบ้านว่า หน่วยสอบสวนโรคจะลงพื้นที่ไปให้คำแนะนำผู้ที่อยู่ร่วมบ้านและคนในชุมชน ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้เสียชีวิตถือเป็นผู้เผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จะต้องเฝ้าระวังและสังเกตอาการตัวเองกักตัว 14 วัน การเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงพิจารณาจาก ความใกล้ชิกผู้ป่วยระยะ 1 เมตร พูดคุยกันโดยไม่ได้ป้องกัน อยู่ในห้องเดียวกันเป็นห้องปิดในรัศมี 1 เมตร นาน 30 นาที แต่จะบอกว่าผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่ได้ติดเชื้อทุกคน โอกาสติดเชื้อน้อยมาก 100 คน จะติดเชื้อประมาณ 2-4 คนเท่านั้น การสัมผัสเสียงสูงไม่ใช่จะติดเชื้อทุกคน คนที่อยู่ในพื้นที่ไม่ต้องกังวล การมีผู้เสียชีวิตไม่ได้แปลว่าพื้นที่จะมีการแพร่ระบาดรุนแรง เพราะเขาอาจจะเสียชีวิตจากปัจจัยอื่นต้องดูเป็นรายคน

สำหรับการรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 3 เมษายน 2563 สถานการณ์ทั่วโลกใน 201 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 3 เมษายน 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 1,014,296 ราย เสียชีวิต 52,298 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 81,589 ราย เสียชีวิต 3,318 ราย สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย 244,230 ราย เสียชีวิต 5,886 ราย อิตาลีพบผู้ป่วย 115,242 ราย เสียชีวิต 13,915 ราย

สถานการณ์ในประเทศไทย ณ วันที่ 2 เม.ย.63 เวลา 16.00 น. ผู้ป่วยกลับบ้านได้ 76 ราย ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 103 ราย นับเป็นลำดับที่ 1,876- 1,978 จำแนกเป็นกลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 48 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
1.1 สนามมวย 1 ราย
1.2 สถานบันเทิง 2 ราย
1.3 พิธีกรรมทางศาสนา ประเทศอินโดนีเซีย 6 ราย
1.4 สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 39 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 44 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
2.1 เดินทางจากต่างประเทศ/ชาวต่างชาติ 15 ราย (เป็นคนไทย 7 ราย /ต่างชาติ 8 ราย)
2.2 สัมผัสผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2 ราย
2.3 ไปสถานที่ชุมชน 4 ราย
2.4 อาชีพเสี่ยง 13 ราย
2.5 บุคลากรทางการแพทย์ 5 ราย (สะสม 32 ราย)
2.6 อื่นๆ 5 ราย

กลุ่มที่ 3 ได้รับผล lab ยืนยันพบเชื้อ อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 11 ราย

วันนี้ได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
รายที่ 1 เป็นชายไทย อายุ 59 ปี อาชีพพนักงานการรถไฟ เข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ด้วยอาการเหนื่อย เสียชีวิตวันที่ 2 เมษายน 2563 (เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 16)
รายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 72 ปี มีประวัติสัมผัส confirmed case มีประวัติโรคประจำตัวเป็นโรคไตเรื้อรัง เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี เสียชีวิตวันที่ 1 เมษายน 2563 (เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 17)
รายที่ 3 เป็นชายไทย อายุ 84 ปี อาชีพเฝ้าประตูสนามมวย มีโรคประจำตัวเป็น ไตเรื้อรัง ความดัน ไขมันในเลือดสูง หัวใจขาดเลือด และเก๊าท์ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลกลาง เสียชีวิตวันที่ 2 เมษายน 2563 (เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 18)
รายที่ 4 เป็นชายไทย อายุ 84 ปี มีประวัติไปสนามมวย เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เสียชีวิตวันที่ 2 เมษายน 2563 (เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 19)

โดยสรุปวันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 581 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,378 ราย เสียชีวิตรวม 19 รายรวมมีผู้ป่วยสะสม 1,978 ราย