SHARE

คัดลอกแล้ว

กระทรวงสาธารณสุข รายงานความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 4 ราย เดินทางมาจากประเทศอิตาลีและอิหร่าน รวมผู้ป่วยสะสม 47 คน ขอความร่วมมือคนไทยตระหนัก ไม่ตระหนก ก้าวผ่านวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค ด้วยการมีสำนึกต่อสังคม และสังคมสมานฉันท์

วันที่ 5 มี.ค.2563 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่าพบผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย เป็นชาวอิตาลี ชาวจีน และชาวไทย 2 ราย ทั้งหมดเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศอิตาลีและอิหร่าน มีรายละเอียดดังนี้

รายที่ 1 เป็นชายชาวอิตาลี อายุ 29 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางมาจากประเทศอิตาลี เข้าประเทศไทยวันที่ 1 มี.ค.2563 ผ่าน ตม.ตรวจไม่มีไข้ ต่อมาผู้ป่วยไปรักษาด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ด้วยอาการ ไข้ ไอ ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี

รายที่ 2 เป็นชายชาวไทย อายุ 42 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มีประวัติเดินทางมาจากประเทศอิตาลี เดินทางเข้าประเทศไทยวันที่ 2 มี.ค.63 ผ่านด่านสนามบินไม่มีไข้ เดินทางมารักษาด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ด้วยอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ ผู้ป่วยรายนี้ไม่ความเกี่ยวข้องใด ๆ กับผู้ป่วยรายที่ 1

รายที่ 3 ชายชาวจีนอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางมาจากประเทศอิหร่านเพื่อต่อเครื่อง เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิตรวจพบว่ามีไข้ –มีอาการไอ และมีน้ำมูกในระหว่างการต่อเครื่อง จึงส่งรักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร

รายที่ 4 ชายชาวไทย อายุ 20 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน เดินทางเข้าประเทศไทยวันที่ 27 ก.พ. ผ่านด่านตรวจไม่มีไข้ ต่อมาเดินทางมารักษาด้วยตนเองที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ด้วยอาการไข้ มีน้ำมูก

สรุปวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 31 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน โรงพยาบาล 15 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 47 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจไม่พบเชื้อเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์แล้ว แต่ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาสถานที่เพื่อเตรียมการจัดให้เป็น “พื้นที่ควบคุมโรค” รองรับผู้เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐ และเตรียมชุดปฏิบัติการในพื้นที่ควบคุมโรคทุกแห่งนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำหลักเกณฑ์ลักษณะสถานที่กักกัน (สถานที่ หรือ พื้นที่ควบคุมโรค) รองรับข้อสั่งการฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยหลักเกณฑ์นี้ประกอบไปด้วย การจัดสถานที่ การรักษาความปลอดภัย ห้องครัว ห้องพยาบาล ระบบจัดการขยะ สถานที่อำนวยความสะดวกอื่นๆ การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลในแต่ละวัน

หลักเกณฑ์ลักษณะสถานที่กักกัน ประกอบด้วย

  1. การจัดสถานที่
  2. การรักษาความปลอดภัย
  3. ห้องครัว
  4. ห้องพยาบาล
  5. ระบบจัดการขยะ
  6. สถานที่อำนวยความสะดวกอื่นๆ
  7. การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลในแต่ละวัน

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคต่อเนื่องให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กักกันตนเองอยู่ที่บ้าน ที่พัก เป็นเวลา 14 วัน งดกิจกรรมทางสังคม ไม่ไปอยู่ในที่คนหนาแน่น หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ เป็นสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยให้ประเทศไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง ในส่วนประชาชนทั่วไป ขออย่าได้รังเกียจผู้ป่วยหรือผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค โรคนี้ป้องกันได้ ด้วยการกินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหากจำเป็นต้องไปในที่ที่มีคนหนาแน่น ขอให้ตระหนักไม่ตระหนก เพื่อสังคมสมานฉันท์

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า มีรายชื่อผู้ที่เดินทางจากเกาหลีมาก่อนหน้านี้ทุกคนขอให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรม แม้จะไม่ป่วยแต่เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป อธิบายถึงการกายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ว่า สำหรับประเทศไทยจะต้องศึกษาต่อในเรื่องนี้ ผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเป็น 47 ราย มีปรากฎการเดียวกันกับต่างประเทศหรือไม่ คิดว่าจะใช้เวลาไม่นานเพื่อทราบข้อมูล

การแพร่เชื้อจากคนสู่สัตว์เลี้ยง สำหรับประเทศไทยจะมีการรับมืออย่างไร  นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สัตวแพทย์ ม.เกษตร แนะนำว่าหากคนในบ้านป่วยก็ขอให้แยกสัตว์เลี้ยง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะติดเชื้อได้ง่าย ไทยได้เตรียมการสำหรับกรณีสัตว์ติดเชื้อไว้แล้ว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวย้ำว่า ทุกคนที่เดินทางเข้าไทยจะมีการคัดกรองทุกคน ในประเทศเสียงจะตรวจตั้งแต่ประตูเครื่องบิน ในรายที่ไม่มีไข้ เมื่อป่วยเราจึงมาพบที่โรงพยาบาล สธ.จะทำการแนะนำผู้ที่เดินทางทุกคนว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ทุกคนทำงานหนัก ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือกัน ขออย่างไปรังเกียจหรือล่าแม่มดผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยมาก่อนหน้านี้

ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงกรณีเอกสารรายงานสื่อสารกันภายในที่มีข้อมูลล่าช้าว่า ไม่ได้มีเจตนาให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ต้องการสื่อสารทางการแพทย์ซึ่งเราต้องมีจริยธรรมทางการแพทย์ ผู้ป่วยยืนยันจะต้องมีการตรวจถึง 2 ห้องตรวจการ มีกระบวนการของการดำเนินการ เมื่อมีข้อมูล 1 ชุด แพทย์ต้องการผลตรวจยืนยันจึงต้องทำการตรวจซ้ำ ต้องเก็บข้อมูลว่าติดเชื้อได้อย่างไร ทำให้ต้องทิ้งช่วงไป 1-2 วัน ในเอกสารที่หลุดออกไปข้อมูลจึงล่าช้า

สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในไทยวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย กลับบ้านแล้ว 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 47 ราย, ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 4 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 3,895 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 128 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 3,767 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,319 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,576 ราย

สถานการณ์ทั่วโลกใน 80 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 5 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 94,380 ราย เสียชีวิต 3,221 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,282 ราย เสียชีวิต 2,981 ราย

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า