ธ.ก.ส.พร้อมโอนเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มวันนี้ สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการตรวจสอบที่จะได้รับเงินส่วนต่างงวดแรก 260,000 ครัวเรือน ขณะที่ชาวนาจะได้เงินประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด วันที่ 15 ต.ค.นี้ เป็นงวดแรก
วันที่ 1 ต.ค. 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในการประชุมชี้แจงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและชาวสวนปาล์มน้ำมัน ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด ทั่วประเทศ โดยมีนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสรรเสริญ สมะลาภา กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษารัฐมนรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกรมการค้าภายใน ผู้แทนกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทน สนง.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงบประมาณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค เข้าร่วมการประชุม
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันที่ 1 ต.ค.นี้จะเริ่มโอนเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มเป็นสินค้าแรก มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการตรวจสอบที่จะได้รับเงินส่วนต่างงวดแรก 260,000 ครัวเรือน ซึ่ง ธ.ก.ส.ยืนยันพร้อมจ่ายเงิน
สำหรับการประกันรายได้ปาล์ม กำหนดให้จ่ายเงินทุก 45 วัน หรือ 8 ครั้งตลอดรอบการผลิตปี 2562/2563 ซึ่งรัฐบาลรับประกันปาล์มเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 18 เปอร์เซ็นต์ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ เช่น หากราคาตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 2.68 บาทเกษตรกรจะได้ส่วนต่าง 1.32 บาทต่อกิโลกรัม หากปลูก 25 ไร่จะได้ส่วนต่างประมาณ 12,000 บาท
ยางพารา จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายธรรมชาติในวันที่ 4 ต.ค.นี้ เพื่อเคาะมาตรการประกันรายได้ปาล์ม ขณะที่มันสำปะหลังและข้าวโพดจะทยอยดำเนินการต่อไป ซึ่งนอกจากมาตรการประกันรายได้แล้ว รัฐบาลจะเร่งรัดการส่งออกสินค้าเกษตรด้วย เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมันและสินค้าอื่นๆ โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลสินค้าเกษตรทุกชนิดแต่จะใช้วิธีที่เหมาะสมและจะไม่เข้าไปแทรกแทรงราคา

ปาล์ม
สำหรับการประกันรายได้ข้าวเปลือกะมีการโอนเงินส่วนต่างในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยกำหนดข้าวเปลือกไว้ 5 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเจ้า ข้าวหอมปทุมธานี1 และข้าวเหนียว ข้าวเปลือกหอมมะลิรับประกันที่ตันละ 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตันข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ขอให้เกษตรกรรีบไปขึ้นทะเบียนตรวจสอบสิทธิที่สำนักงานเกษตรอำเภอและเปิดบัญชีกับ ธ.ก.ส.เพื่อใช้สิทธิรับเงินประกันรายได้งวดต่อไป
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้นำนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างจริงจัง พร้อมทั้งขอให้ประชาสัมพันธ์กับพี่น้องเกษตรกรได้รับทราบให้เข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย แนวทางปฏิบัติและวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดผลสัมฤทธิ์กับพี่น้องเกษตรกรอย่างรวดเร็ว เป็นรูปธรรม และทั่วถึงกัน
รายละเอียด คลังข่าวกระทรวงมหาดไทย