SHARE

คัดลอกแล้ว

‘อุตตม-สนธิรัตน์’ นำทีมเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย ประกาศไม่เสนอชื่อ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ชี้หลังเลือกตั้งจะฟังเสียงประชาชนก่อน ไม่ใช่ประกาศเอาหรือไม่เอาใคร

ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 19 ม.ค. 2565 เวลา 13.30 น. นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นแกนนำเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย พรรคการเมืองใหม่ ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างอนาคตไทย ฟื้นเศรษฐกิจ สร้างอนาคตประเทศ”

นายอุตตม กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคสร้างอนาคตไทย จะไม่ได้เป็นแค่พรรคการเมือง แต่จะเป็นพื้นที่เปิด เพื่อรวบรวมคนหลายสาขาอาชีพที่จะมาระดมความคิดเห็นเพื่อฟื้นเศรษฐกิจฟื้นฟูประเทศเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไปเพราะมองเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วงทั้งมติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะรายได้คนทำงานที่สวนทางกับค่าครองชีพ อีกทั้ง ภัยพิบัติโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด ซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำ กระทบความมั่นคงทางสังคม บั่นทอนคุณภาพชีวิต

ตลอด 1 ปีครึ่งหลังออกจากรัฐบาลได้พบเจอผู้คนมากมายหลากหลาย ได้รับฟังเสียงสะท้อน ที่อยากเห็นสมการการเมืองที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น อยากเห็นพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของคนหลายภาคส่วน ระดมกำลังสร้างอนาคต ที่จะไม่ต้องเผชิญกับความท้อแท้ ความกังวล

“พรรคสร้างอนาคตไทย ในการทำงานของเรา… เราจะไม่ซ้ายสุดขั้ว เราจะไม่ขวาสุดโต่ง เราจะไม่โกง ไม่ปล้นชาติ เราอาสาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คนไทย” นายอุตตม กล่าว

สำหรับไฮไลต์สำคัญอยู่ในช่วงการเปิดให้สื่อมวลชนตั้งคำถาม โดยนายอุตตม และ นายสนธิรัตน์ ร่วมกันตอบคำถาม โดยสรุปได้ดังนี้

คำอธิบายของพรรคสร้างอนาคตไทยอยู่ตรงไหนของการเมือง

อุตตม : จุดยืนของพรรคก็คือเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศโดยเฉพาะฟื้นเศรษฐกิจ วางรากฐานของคนไทยมั่นคงยั่งยืน ในการที่บอกว่าไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อที่สามารถขับเคลื่อนฟื้นเสณษฐกิจ ไม่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งใดๆ ทั้งนั้น ต้องยอมรับว่าวันนี้เห็นความขัดแย้ง ทั้งมติการเมือง ที่อาจจะพูดได้ว่าไม่สามารถทำหน้าที่การเมืองได้อย่างแท้จริง ทั้งความขัดแย้ง ประท้วง

สนธิรัตน์ : คำถามว่าพรรคอยู่ตรงไหน วันนี้เป็นวันที่สังคมไทยยืนยาก เพราะความขัดแย้งร้าวลึก ความคิดเป็นสองปีก ซึ่งสิ่งที่พรรคสร้างอนาคตไทยจะไม่ทำ คือการซ้ำเติมความขัดแย้งของสังคมไทย บางทีบ้านเมืองที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันต้องการอะไรเข้ามาเปลี่ยนแปลง การเมืองไทยมีสองขั้วที่ชัดเจนและมีความเห็นที่แตกต่าง ซึ่งต้องไม่นำไปสู่การต่อสู้เชิงกลุ่มคนและวัยของผู้คน

ทิศทางการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อุตตม : เคยทำงานในรัฐบาล ท่านเคยเป็นหัวหน้ารัฐบาล เราไปครั้งนั้นเพื่อไปทำงานให้บ้านเมือง ก็ได้ทำงานในหลายๆ เรื่อง บรรลุมีความคืบหน้า แต่เมื่อเงื่อนไขการเมืองเปลี่ยนก็ออกมา ยืนยันทำพรรคให้ประชาชน ไม่ใช่ทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง “พวกผมเดินออกมาแล้วไม่หันหลังกลับ”

สนธิรัตน์ : เราเคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ เรายังมีอุดมการณ์ในการทำการเมือง พวกเราไม่ใช่นักการเมืองที่เข้ามาทำประโยชน์เพื่อพวกพ้อง สามารถตรวจสอบได้ การทำงานทั้งหมดของเราเพื่อพาประเทศไปข้างหน้า กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา และได้พูดผ่านโฆษกรัฐบาลมาแล้วว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคสร้างอนาคตไทย ท่านคงรับทราบจากสื่อ เราไม่ได้ทำพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจใครคนใดคนหนึ่ง “ยืนยันว่าเราจะไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค” ไม่ได้เป็นข้อขัดแย้งแต่เป็นจุดยืน

พรรคสร้างอนาคตไทย จะสนับสนุนใคร เป็นนายกฯ

อุตตม : ผู้ที่เราเชื่อว่าเข้าข่ายเป็นนายกฯ จะมีคุณสมบัติ เช่น เป็นผู้ที่นำพาประเทศผ่านความขัดแย้ง ไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง มีความสามารถในเชิงบริหารและเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่สมควรจะได้รับการยอมรับในวงการต่างประเทศ เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่คนเดียว ส่วนการพิจารณาเป็นเรื่องของพรรค

“ท่านอาจารย์ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อย่างที่ทราบว่าสนิทกับพวกผม ตอบตรงๆ ในส่วนของผม ท่านไม่ทอดทิ้งพวกเราถามว่าเหมาะสมหรือไม่ ผมเชื่อว่าท่านเหมาะสม แต่พวกเราก็จะช่วยกันพิจารณา มี 3 ตำแหน่ง เราจะพิจารณาเสนอทั้ง 3 ตำแหน่ง ท่านสมคิดจะเป็นหรือไม่ก็ต้องผ่านกระบวนการพรรค แล้วอีก 1 ก็ต้องเป็นหัวหน้าพรรค และอีก 1 เราจะดูว่าใครเหมาะสม”

ย้ำไม่ใช่พรรคอะไหล่ (พรรคสำรองกรณีเกิดปัญหาทางการเมือง) 

สนธิรัตน์ : ไม่ได้ตั้งพรรคเฉพาะกิจ ไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อเป็นอะไหล่ให้กับใคร แต่เราจะเลือกว่าเราจะทำงานกับใคร พรรคที่เราจะทำงานด้วยต้องมีจุดยืนและอุดมการณ์สอดรับกับจุดยืนของพรรค

ที่จะไม่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ รวมถึงจะไม่ยกมือให้ในสภาด้วยหรือไม่

สนธิรัตน์ : ไม่ใช่นะครับ จุดยืนในการเสนอแคนดิเดตนายกฯ เราประกาศชัดเจนพรรคจะสรรหาคนของพรรค ส่วนเรื่องของอนาคตใครจะเป็น (นายกฯ) อันนั้นหลังการเลือกตั้งต้องฟังพี่น้องประชาชนว่า วันนั้นพี่น้องประชาชนตัดสินใจอย่างไร เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่สิ่งที่ทำการเมืองว่าจะเอาอย่างไร แต่วันนั้นผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร ซึ่งยังไม่รู้สถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร แต่วันนั้นหากว่าหลังการเลือกตั้งแล้ว พรรคจะเป็นผู้พิจารณาว่าพรรคจะทำบทบาทอะไร บนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคมี แล้วพรรคก็จะตัดสินใจในเวลานั้นว่าพรรคจะทำงานกับใครหรือไม่ทำงานกับใคร สิ่งที่ยืนยันคือเราสามารถขับเคลื่อนอุดมการณ์และเป้าหมายของพรรคได้หรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคตไม่ใช่ประกาศว่า จะเอาใครหรือไม่เอาใคร

พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นฝ่ายประชาธิปไตยใช่หรือไม่

สนธิรัตน์ : วันที่เราทำพรรคพลังประชารัฐ เราเคยประกาศว่าเราจะทำการเมืองบนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย เมื่อรัฐธรรมนูญได้ถูกเขียนขึ้น เราได้เล็งเห็นแล้วว่าประเทศจะต้องเปลี่ยนผ่านไปอย่างไร และขณะนั้นเราอยู่ในรัฐบาล เรามองว่าการเปลี่ยนประเทศจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง พวกเราก็อาสาขึ้นมาทำพรรคในวันนั้น เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ของประเทศ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นั่นคือการเดินทางเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย การที่เราทำงานกับใคร เราทำงานในฐานะ democrat มือทำงาน การเลือกตั้งครั้งที่แล้วลงสู่สนามเลือกตั้งเต็มรูปแบบ และยืนหยัดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นเราก็คงไม่กลับมา เรายังเคารพในระบอบประชาธิปไตย และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นี้เป็นจุดหลักและจุดยืนของพรรค คนที่มายืนกับพรรคทั้งหมด พี่นิพิฏฐ์ (นิอินทรสมบัติ) ก็คงไม่ใช่ ท่านสุพล ฟองงาม อดีตก็อยู่กับพรรคเพื่อไทย หรืออีกหลายคนที่ไม่เคยทำงานการเมือง พรรคนี้จะเป็นพรรคประชาธิปไตยและเคารพการตัดสินใจของประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่เข้ามาร่วมทำงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย มีทั้งนักการเมืองที่ย้ายพรรคมา อาทิ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ (จากพรรคประชาธิปัตย์), สุพล ฟองงาม (จากพรรคพลังประชารัฐ), สันติ กีระนันนท์ (จากพรรคพลังประชารัฐ), วัชระ กรรณิการ์ (อดีตรองโฆษกรัฐบาล), มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือครูเป็ด ที่เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกล้า วันนี้มาร่วมเปิดตัวกับพรรคสร้างอนาคตไทยด้วย รวมทั้งยังมี นักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้าน ร่วมด้วย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า