นายกฯ เซ็นยกเลิกเคอร์ฟิวกรุงเทพฯ และจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว มีผลตั้งแต่ 5 ทุ่ม 31 ต.ค. นี้ ระยะแรกเปิดประเทศ ยังไม่เปิดสถานบันเทิง
วันที่ 21 ต.ค. 2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 36 ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564
สรุปใจความสำคัญ มีทั้งหมด 8 ข้อ ดังนี้
- กำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
- กำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
ให้สถานที่ กิจการ หรือดำเนินกิจกรรมในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เวลา การจัดระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด
- ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (ยกเลิกเคอร์ฟิว) ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด แต่ได้มีคำสั่งกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้มีผลตั้งแต่ 23.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค. 2564
- ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 500 คน ในเขตพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (เดิม 29 จังหวัดสีแดงเข้ม ห้ามรวมตัวมากกว่า 50 คน)
- ในระยะแรก ให้สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่เขตนำร่องการท่องเที่ยวยังคงปิดไว้ก่อน และให้หน่วยงาน ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม เพื่อจะมีประกาศต่อไป
- ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ผู้ว่าราชการจังหวัด เสนอ ศปก.ศบค. ตรวจสอบ กลั่นกรอง และเสนอนายกฯ ให้พิจารณาปรับระดับความเข้มข้น หรือผ่อนคลายของพื้นที่ตามในความรับผิดชอบได้ และให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ สั่งปิด จำกัด หรือห้ามการดำเนินการของสถานที่ หรือสั่งให้งดการทำกิจกรรมอื่นในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
- การกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ให้เพิ่ม “(13) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล”
- มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เหตุผลที่ระบุไว้
“โดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในประเทศไทยมีแนวโน้มของสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนในระดับคงที่ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาหนึ่งและผู้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนและขับเคลื่อนแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้แก่ประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันอัตราการได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศ
รัฐบาลจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการฟื้นฟูประเทศเพื่อประโยชน์ด้านการใช้ชีวิตความเป็นอยู่และด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชนในเบื้องต้นจึงเห็นควรให้มีการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อเป็นปัจจัยเอื้อให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศได้มากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง
ในการนี้รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมโดยประสานความร่วมมือกับประเทศต้นทางและบูรณาการการทำงานของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนในการกำหนดมาตรการรองรับเพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบควบคู่กับการกำหนดมาตรการทางด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ให้ประชาชนมีความปลอดภัย รวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติและประชาชน อันจะส่งผลให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินการควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่เริ่มปฏิบัติกันในประเทศต่างๆ ที่มีสถานการณ์คล้ายคลึงกัน”