SHARE

คัดลอกแล้ว

ปกติแล้วบริษัทส่วนใหญ่มักต้องการให้พนักงานใช้เวลา ‘ทุกวินาที’ ในการทำงานให้คุ้มค่า เรียกว่าลิสต์สิ่งที่ต้องทำแบบแน่นเอี๊ยดไม่เหลือพื้นที่ให้เติม ไล่ตั้งแต่ตอบอีเมล เข้าประชุม ทำเอกสาร ไปจนถึงลงพื้นที่ เริ่มทำงานจริงจัง เพื่อมุ่งสู่ KPI หรือ KOR ที่ได้รับจากองค์กร

แต่ดูเหมือน Google จะไม่คิดแบบนั้น เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Google มีสิ่งที่เรียกว่า ‘กฎ 20%’ หรือกฎที่ว่าด้วยการแบ่งเวลาในการทำงาน 20% ไปทำโปรเจ็กต์อะไรก็ได้ที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับ Google นอกเหนือจากการทำงานในหน้าที่ปกติของพนักงาน

ทำไมต้องกฎ 20%

พนักงานส่วนใหญ่มีเวลาในการปฏิบัติงานราวๆ 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการทำงานในหน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้ของแต่ละคน แรกๆ เมื่อเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ก็อาจจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเมื่อไรที่ทำมานานถึงจุดหนึ่งแล้วล่ะก็ความซ้ำซากและจำเจก็จะเริ่มมีผลต่องานที่เกี่ยวข้องกับความสร้างสรรค์ รวมถึงลดโอกาสในการเก็บเกี่ยวทักษะอื่นๆ ที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับงานลง

Google จึงสนับสนุนให้พนักงานใช้เวลา 20% ของการทำงานไปกับการทำโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ Google มากที่สุด นอกเหนือไปจากการทำงานปกติ

‘เซอร์เกย์ บริน’ และ ‘แลร์รี เพจ’ สองผู้ก่อตั้งของ Google อธิบายว่า กฎ 20% ทำให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์และสามารถสร้างสรรค์ได้มากขึ้น ความก้าวหน้าหลายๆ อย่างอย่างเช่น AdSense และ Google News ก็เกิดขึ้นจากกฎ 20% นี้

ในโลกที่มีความก้าวหน้าใหม่ๆ ทุกวินาทีและการแข่งขันในตลาดแรงงานที่สูงขึ้นทุกวินาที พลเมืองโลกที่เป็นแรงงานคนหนึ่งในระบอบทุนนิยมอย่างเราๆ เองก็จำเป็นจะต้องมีเวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทักษะใหม่ๆ เพื่อขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญและสร้างความได้เปรียบในระยะยาวด้วย

สำหรับปีหน้าฟ้าใหม่ 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถ้าหากอยากลองปรับเอากฎ 20% ของ Google มาใช้แล้วล่ะก็ TODAY Bizview ชวนมาส่อง 5 วิธีทำตามกฎ 20% นี้ดู เผื่อว่าการทำงานในปีหน้าจะปังๆ ยิ่งขึ้นกว่าปีนี้ไปเลย!

1) ระบุสิ่งที่ต้องการจะ ‘เรียนรู้’ ให้ชัดเจน

หากอยากจะแบ่งเวลา 20% ของตัวเองมาเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ล่ะก็ สิ่งแรกที่ควรคือ กำหนด ‘สิ่ง’ ที่ต้องการจะเรียนรู้แบบเจาะจงลงไป ไม่หว่านแห แทนที่จะเลือกเรียน 10 อย่างพร้อมกันก็ให้เลือก 1 อย่างให้เชี่ยวชาญก่อน เพราะมันจะทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวเองอย่างชัดเจน และมีแรงที่จะเรียนรู้ต่อ นอกจากนั้น การ ‘รู้จริง’ ในทักษะบางอย่างยังช่วยให้สามารถเพิ่มมูลค่าหรือสร้างรายได้เสริมได้ด้วย

2) ได้ถึงแม้ว่าจะได้นิดหน่อยก็ยังได้อยู่

อีกอย่างที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าช่วงเวลา 20% ที่สละมาไม่จะเสียไปเปล่าๆ คือ ต้องรู้ว่าอย่างน้อยที่สุดเราจะได้อะไรบ้างจากการใช้เวลา 20% นี้ไปกับการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ 

อย่างเช่นได้เปิดโลกดูอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้สร้างคอนเนคชันเพิ่มเติมหรือเปล่า หรือว่าได้เพิ่มทักษะการพูดในที่สาธารณะให้ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าลองๆ คิดดูแล้วแล้วรู้สึกว่า ถึงจะเรียนไปนิดหน่อยก็ยังได้ประโยชน์ แปลว่าสิ่งที่เรากำลังจะออกไปเรียนรู้นี้อาจจะน่าสนใจพอให้ลอง

3) ยืดหยุ่นและมุ่งมั่น

เพราะว่าชีวิตเรายังคงมีหลายพาร์ท รวมถึงพาร์ทที่ละเลยไม่ได้อย่างการทำงาน ดังนั้น แม้ว่าเราจะเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตามกฎของช่วงเวลา 20% แต่เราก็จะต้องทั้งมีวินัยและยืดหยุ่นไปพร้อมๆ กัน ถ้าหากมีเหตุฉุกเฉินอย่างการประชุมด่วนหรืองานลูกค้าแทรกจนตารางเปลี่ยนก็ไม่จำเป็นจะต้องเครียดกับช่วงเวลา 20% นี้จนเกินไป เราสามารถยืดหยุ่นได้ แค่ต้องสม่ำเสมอเท่านั้น 

4) มองหาวิธีที่จะทำให้มันสนุก

เขาว่ากันว่า การเรียนที่ดี คือ การเรียนที่สนุก ดังนั้น ถ้าหากอยากจะแบ่งเวลาไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เป็นชิ้นเป็นอันได้และมีพลังใจทำสิ่งนั้นไปจนตลอดรอดฝั่งอย่างมีวินัย ‘จิต’ เป็นเรื่องสำคัญมาก อาจจะมีหลายครั้งที่เบื่อ หงุดหงิด หรืออยากเลิก 

ดังนั้น เวลา 20% นี้จะถูกใช้อย่างคุ้มค่าต่อเมื่อมันสนุกและทำให้อยากทำอีกซ้ำๆ อาจจะลองเริ่มจากการฟังหนังสือเสียงหรือพอดแคสต์ดีๆ ระหว่างเดินเล่น หรือเลือกเรียนร่วมกับเพื่อนให้ไม่เหงาจนเกินไป

5)  คิดระยะสิบปี

สุดท้ายคงต้องบอกว่าผลการลงทุนในโปรเจ็กต์ 20% นี้เป็นผลจากการลงทุนในระยะยาว ดอกเบี้ยจากการลงทุนนี้ก็เป็นดอกเบี้ยเล็กน้อยที่จะค่อยๆ สะสมจากการลงทุนระยะยาวเหมือนกัน สิ่งที่ดูเล็กน้อยและไม่มีความหมายจะสะสมจนกลายเป็นความได้เปรียบระยะยาวในอนาคต

ผลลัพธ์หรือของขวัญจากช่วงเวลา 20% จะแสดงผลอย่างชัดเจนหลังผ่านเวลายาวนานพอสมควร ในบางครั้งอาจจะกินเวลากว่าทศวรรษในการแสดงผล แต่แม้ว่าระหว่างนั้นเราจะเปลี่ยนแผนในการใช้ชีวิต หรือเส้นทางที่เลือกเดินหักเหไปจากเดิม แต่ผลลัพธ์จากการลงทุนสั้นๆ เป็นเวลาแค่ 20% นี้จะทำให้เรามีทางเลือกในอนาคตที่มากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต ใครยังไม่เคยลองจะเริ่มต้นในปี 2022 นี้ก็ยังไม่สายไป

ที่มา

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า