“เมลาซิล” นวัตกรรมสุดล้ำเพื่อปัญหาเม็ดสีผิวเฉพาะจุด จากการวิจัย 18 ปี ของลอรีอัล กรุ๊ป

เป็นที่ทราบกันดีว่า เมลานิน (Melanin) เป็นสารประกอบในร่างกาย ที่ทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเม็ดสีผิว โดยจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามพื้นที่อยู่อาศัย เชื้อชาติ และสภาพแวดล้อม เห็นได้จากการที่ผู้คนในภูมิภาคต่างๆ ที่มักจะมีสีผิวแตกต่างกันไป เช่น ขาวอมชมพู ขาวเหลือง เหลือง น้ำตาล ดำ เป็นต้น

โดยในสภาวะปกตินั้น เมลานินจะถูกผลิตออกมาด้วยกระบวนการธรรมชาติอยู่แล้ว และถ้าหากคนเราเจอกับสิ่งเร้าบางอย่าง เช่น แสงแดด ฝุ่นควัน ฯลฯ ร่างกายก็จะผลิตเมลานินเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างเม็ดสีผิวออกมาปกป้องผิว แต่เมื่อใดที่สิ่งเร้ามีมากเกินไป และสัมผัสกับผิวเป็นเวลานาน หรือบ่อยครั้ง ก็อาจทำให้เกิดภาวะ “เม็ดสีผิวผิดปกติ” ได้เช่นกัน ซึ่งนั่นจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสีผิวไม่สม่ำเสมอ และปัญหาผิวพรรณกวนใจอีกมากมาย เช่น ฝ้า กระ รอยคล้ำรอบดวงตา รอยคล้ำบริเวณรักแร้ รวมถึงรอยดำจากสิวและการอักเสบ

สิ่งที่น่ากังวลใจคือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาเม็ดสีผิวผิดปกติ ได้กลายเป็นปัญหาผิวอันดับต้นๆ ที่คนทั่วโลกเผชิญอยู่ อ้างอิงจากผลการศึกษาในด้านระบาดวิทยาของผิวหนังทั่วโลก* ที่ระบุว่า “ผู้มีส่วนร่วมในการศึกษาจำนวนครึ่งหนึ่ง มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิวอย่างน้อย 1 ประเภท” ประกอบกับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังในไทย ที่ระบุว่า “ปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิวเฉพาะจุด และปัญหาฝ้า กระ เป็นปัญหาด้านปัญหาผิวพรรณที่มีการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตสูงมากในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทยไปพบแพทย์ผิวหนัง” นั่นจึงอนุมานได้ว่า ผู้คนมากมายกำลังต้องการนวัตกรรมด้านผิวพรรณที่ช่วยยับยั้งปัญหานี้อย่างเฉพาะเจาะจง และตรงจุด

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าวันนี้ ปัญหานี้จะมีทางออกที่น่าสนใจแล้ว เพราะ ลอรีอัล กรุ๊ป ได้เปิดตัว เมลาซิล (Melasyl^TM) นวัตกรรมส่วนผสมสุดล้ำ ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามายาวนานกว่า 18 ปี เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเม็ดสีผิวเฉพาะจุด อันเป็นสาเหตุของจุดด่างดำและรอยสิว

ไฮไลต์ของเมลาซิล คือ การเป็นนวัตกรรมแรกสุด ที่ช่วยยับยั้งสารตั้งต้นของเมลานินที่มีความผิดปกติ เพื่อไม่ให้เปลี่ยนเป็นเม็ดสีส่วนเกิน (Melanin precursor) และจุดด่างดำ ได้ครอบคลุมทุกโทนสีผิว โดยไม่กระทบกับกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวตามธรรมชาติ จึงช่วยปกป้องสีผิว และดูแลกลไกการทำงานของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ เมลาซิล ยังผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด และถูกนำไปศึกษาทางวิทยาศาสตร์มาแล้วถึง 121 ครั้ง อีกทั้งได้รับการนำเสนอครั้งแรกที่การประชุมแพทย์ผิวหนังโลก (World Congress of Dermatology) ประจำปี 2566 ที่สิงคโปร์ พร้อมกับผลการศึกษาทั่วโลกครั้งแรกเกี่ยวกับความผิดปกติของสีผิวในทางระบาดวิทยา และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังถูกพูดถึงในการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกา (American Academy of Dermatology) ในเมืองซานดิเอโกด้วย

ดร.ดิมอย รอย รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ตลาดเกิดใหม่ ลอรีอัล กรุ๊ป เปิดเผยว่า “ปัญหาที่เกี่ยวกับเม็ดสีผิว ไม่ใช่เรื่องผิวเผิน เพราะมีข้อมูลมากมายที่ระบุว่าส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก จึงได้ทุ่มเทวิจัยเรื่องเม็ดสีผิวมาตลอดเวลากว่า 30 ปี จนสามารถเข้าใจปัญหาและกลไกการเกิดเม็ดสีส่วนเกินได้อย่างลึกซึ้ง ถึงทุกความหลากหลายของสีผิว และได้นำส่วนผสมอันเป็นกรรมสิทธิ์มาพัฒนาเป็น ‘เมลาซิล’ นวัตกรรมล่าสุด ซึ่งมีความสำคัญและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับผู้คนในประเทศไทย และภูมิภาค SAPMENA อันประกอบด้วย เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของสีผิว”

อาจพูดได้ว่า เมลาซิล เป็นนวัตกรรมด้านผิวพรรณที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของสกินแคร์ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อนชื้น และมีมลภาวะสูงมากในเขตเมือง

[สาระน่ารู้]

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยที่มีส่วนผสมของเมลาซิล ได้แก่ เมลา บี3 (Mela B3) ของลา โรช-โพเซย์ (La Roche Posay) ทั้งเซรั่มเมลาบี3 (MelaB3) และเมลาบี3 เอสพีเอฟ30 (MelaB3 SPF30) โดยในอนาคตอันใกล้นี้ ลอรีอัล ปารีส (L’Oréal Paris) และวิชี่ (Vichy) ได้เตรียมนำเมลาซิลมาใช้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงการบำรุงเม็ดสีผิวอย่างเฉพาะจุดมากยิ่งขึ้น

*โครงการวิจัยระดับบุกเบิก โดยลา โรช-โพเซย์ ทำการศึกษากับอาสาสมัคร 48,000 ราย ใน 34 ประเทศ ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นข่าวเด่น ในงานประชุมแพทย์ผิวหนังโลก ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566