พล.อ.ประวิตร เชื่อระเบิดยะลาไม่เกี่ยวบึ้มป่วน กทม. ด้าน ผบก.ภ.จ.ยะลา สั่งคุมเข้มพื้นที่

พล.อ.ประวิตร เผยระเบิดป่วย 4 อำเภอเมืองยะลา ไม่โยงระเบิดป่วน กทม. ปัดตอบกระแสต่อรองปล่อยผู้ต้องสงสัย ด้าน ผบก.ภ.จ.ยะลา สั่งคุมเข้มพื้นที่ หวั่นคนร้ายลักลอบนำวัตถุอันตรายเข้าไปก่อเหตุ

วันที่ 21 ส.ค.2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความไม่สงบหลายจุดในพื้นที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า เราต้องพูดคุยกับฝ่ายเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ต้องระวังมากขึ้น และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมระวังป้องกันต้องให้มาก ซึ่งตนเสียใจกับคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เราพยายามทำทุกอย่างป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ขณะนี้กำลังติดตามตัวผู้กระทำผิดอยู่ และเหตุดังกล่าวไม่เกี่ยวกับที่มีกระแสข่าวต่อรองให้ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยจากเหตุไม่สงบ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ความจริงแล้วเราต้องเพิ่มความระวังมากขึ้นถ้ามีเหตุ ส่วนการพูดคุยสันติสุขก็ยังต้องเดินหน้าต่อ ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวคณะพูดคุย และการพูดคุยถือว่าคืบหน้า เช่น ทั้งการกำหนดพื้นที่โซนนิ่งดูแลความปลอดภัย ที่จะมีข่าวดีประกาศลดไปอีกหนึ่งอำเภอ ส่วนพื้นที่ยะลาความจริงไม่ค่อยมีอะไร

รองนายกฯ ยืนยันว่า เหตุระเบิดที่จ.ยะลา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดใน กทม. อย่าไปยุ่งเลย และตอนนี้เจ้าหน้าที่ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้มากและใกล้จะหมดแล้ว โดยพยายามจะขยายไปให้ถึงตัวผู้ที่บงการ

ผบก.ภ.จ.ยะลา สั่งคุมเข้มพื้นที่ หวั่นคนร้ายลักลอบนำวัตถุอันตรายเข้าไปก่อเหตุ

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ล่าสุด พ.ต.อ.นราวี บินแวอาร ผกก.สภ.เมืองยะลา พ.ต.ท.พิสิษฐ์ ลมคำพา รอง ผกก.ป.นายวันสุกรี แวมามะ ป้องกันจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด”ศรศึก-ศรชัย”ภ.จ.ยะลา สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าที่บ้านปารามีแต หมู่ 7 ต.บุดี เหตุเกิดเมื่อทุ่มเศษคืนที่ผ่านมา พบว่าเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง หมายเลข 114 ริมทางหลวงสายท 4063(ยะลา-รามัน) โค่นล้มได้รับความเสียหาย เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า ที่เสาไฟฟ้าแรงสูงต้นถัดไปราว 50 เมตร มีวัตถุระเบิดแสวงเครื่องอีกลูกซุกไว้ที่โค่นเสา ลักษณะเป็นเหล็กทรงกรวย ทางเจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังเก็บกู้สำเร็จ เป็นระเบิดแบบกำหนดเวลา โดยตั้งให้ทำงานเวลา 19.00 น.วันที่ 20 ส.ค. พบนาฬิกาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน น้ำหนักราว 5 -10 กก. จึงได้ดำเนินการทำลายทิ้ง

ขณะที่ อ.ยะหา พ.ต.อ.ศิวัชร ศรีวิชัย ผกก.สภ.ยะหา พ.ต.ท.เจริญ นวนทอง รอง ผกก.ป.นำกำลังเข้าตรวจสอบจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าริมทางหลวงสาย 4065 (สามแยกบ้านเนียง-ยะหา) บริเวณบ้านบูเก๊ะ หมู่ 2 ต.บาโงยซิแน พบเสาไฟฟ้าโค่นล้มขวางถนนเป็นระนาวรวม 5 ต้น โดยคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องไปวางไว้ที่โคนเสาไฟฟ้ารวม 2 ลูก  เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้เก็บวัตถุพยานได้ลักษณะเดียวกันกับจุดที่เกิดเหตุใน ต.บุดี อ.เมืองยะลา โดยคนร้ายได้วางระเบิดตั้งเวลาให้ทำงานในเวลาเดียวกัน ขณะเกิดเหตุเป็นจังหวะที่ น.ส.นูรียะห์ ยาลอ อายุ 34 ปี นางไซนุงวาตี แงยาลี อายุ 27 ปี และ ด.ช.มูสเลม แงยาลี อายุ 2 ขวบ ราษฎร ต.บาโระ อ.ยะหา ขับขี่ รถ จยย.ผ่านมาถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย กู้ภัยแม่กอเหนี่ยวยะหารุดนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา อาการผู้บาดเจ็บทั้งหมดปลอดภัย

ที่ อ.บันนังสตา เวลาเดียวกันคืนที่ผ่านมา พวกคนร้ายได้ลอบวางระเบิดเสาสถานีทวนสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเอไอเอ็ส.บ้านบาเจาะ หมู่ 2 ต.บาเจาะ  วางระเบิดภายในบริเวณที่ทำการศูนย์กลางการยางแห่งประเทศไทยสาขาบันนังสตา ใกล้สามแยกบันนังสตา ริมทางหลวงสาย 4077(บันนังสตา-ยะหา)เป็นเหตุให้กระเบื้องหลังคาห้องน้ำสำนักงานได้รับความเสียหาย นอกจากนั้นแนวร่วมอีกชุดได้ลอบเผายางรถยนต์บนทางหลวงสาย 410(ยะลา-เบตง)บ้านบันนังกูแว หมู่ 4 ต.เดียวกัน

ที่ อ.ธารโต เกิดเหตุเวลาไล่เลี่ยกันจากการกำหนดเวลาให้ระเบิดทำงาน เหตุเกิดที่ตลาดบ้านคอกช้าง หมู่ 7 ต.แม่หวาด คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักราว 3-5 กก.ไปวางที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย เป็นเหตุให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บรวม 6 ราย มี  น.ส.ลำพูน เหลาแก้ว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 7 ต.แม่หวาด นายทวีศักดิ์ สิทธิโชควิวัฒน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเดียวกัน น.ส.พรนภา พลชนะ อายุ 15 ปี น.ส.ศรีวิไล ทองศรีพราย อายุ 37 ปี ด.ญ.พรรณพิสุทธิ์ ศรีจันทร์ อายุ 7 ปี และ ด.ญ.ชนากาญจน์ ศรีจันทร์ อายุ 11 ปี ทั้งหมดถูกสะเก็ดระเบิดตามลำตัว ถูกนำส่งโรงพยาบาลธารโต อาการล่าสุดทุกคนปลอดภัย ส่วนที่ อ.กรงปินัง มีเหตุเผายางรถยนต์ ป่วน 1 จุด แต่ชาวบ้านช่วยกันดับไว้ทัน

พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จ.ยะลา ได้สั่งการให้ทุกท้องที่เพิ่มความเข้มเฝ้าระวัง โดยเฉาะในการออกปฏิบัติหน้าที่ให้จัดชุดลาดตระเวนออกตรวจตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างละเอียด เพื่อเป็นการสกัดกั้นป้องกันไม่ให้พวกคนรายลักลอบนำวัตถุอันตรายเข้าไปก่อเหตุ