SHARE

คัดลอกแล้ว

นสหรัฐอเมริกานาทีนี้ไม่มีเรื่องไหนจะร้อนแรงไปกว่า การบอยคอตต์ไม่ลงแข่งขันของทีมมิลวอกี้ บัคส์อีกแล้ว เหตุการณ์นี้โยงใยจาก Black Lives Matter เข้ามาสู่วงการกีฬา และมีผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรงมากๆ

เรื่องราวจะเป็นอย่างไร workpointTODAY จะสรุปดราม่าให้เข้าใจในโพสต์เดียวจบ 23 ข้อ

1) กระแสการประท้วงของคนผิวดำ หรือ Black Lives Matter (BLM) ที่สหรัฐอเมริกา มีความร้อนแรงที่สุด ในเดือนพฤษภาคม หลังจากมีเหตุการณ์ จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตหลังโดนตำรวจจับกุมที่เมืองมินนิอาโปลิส

จากเหตุการณ์ของจอร์จ ฟลอยด์ ส่งผลให้มีการประท้วงไปทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบประท้วงอย่างสันติ และประท้วงด้วยการใช้ความรุนแรง

2) เข้าสู่เดือนสิงหาคม บรรยากาศ BLM ดูจะลดความดุเดือดลง หากเทียบกับ 3 เดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม ก็เกิดเหตุสำคัญอีกครั้ง คราวนี้ เรื่องเกิดขึ้นที่เมืองเคโนชา ในรัฐวิสคอนซิน ที่อยู่ห่างจาก มิลวอกี้ เมืองหลวงของรัฐ ราว 60 กิโลเมตร

3) เวลา 17.11 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเคโนชา ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท จึงส่งกำลังเข้าไปเช็กว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้น 2 นาที 17.13 น. ตำรวจมาถึงที่หมาย ปรากฎว่ามีผู้หญิงสองคนกำลังทะเลาะวิวาทกันอยู่ โดยมีชายผิวดำชื่อ เจค็อบ เบลค อายุ 29 ปี ที่ขับรถผ่านมาพอดี พยายามเข้าไประงับการวิวาท

4) จากนั้นในเวลา 17.15 น. เรย์ชอน ไวท์ ที่เป็นเพื่อนบ้านได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิป โดยในวีดีโอ มีตำรวจ 3 นายกำลังมีปากเสียงกับเจค็อบ เบลคอยู่

เรย์ชอน ไวท์ กล่าวว่า เขาไม่รู้ว่าเบลค ไปมีปัญหาอะไรกับตำรวจ แต่ ตำรวจสั่งให้เบลคคุกเข่าแล้วหมอบลงไปกับพื้น ทว่าเบลคไม่ทำตาม ตำรวจจึงเอาปืนช็อตไฟฟ้า (Taser) ยิงเข้าไปที่เบลคหนึ่งครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมหมอบอยู่ดี

5) เบลคเดินอ้อมมาเปิดประตูรถยนต์ของตัวเองฝั่งคนขับ นั่นทำให้เจ้าหน้าที่รัสเท่น เชสกี้ กลัวว่าเบลคจะหยิบอาวุธขึ้นมาสู้ จึงเอาปืนยิงไปที่แผ่นหลังของเบลคจำนวน 7 นัดซ้อน

เบลค อาการสาหัสมาก และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เขารอดชีวิตได้ก็จริง แต่ครึ่งล่างของร่างกายเป็นอัมพาตทั้งหมด

6) จากการค้นรถยนต์ ปรากฎว่าไม่พบอาวุธใดๆทั้งสิ้น โดยน้องสาวของเบลค ได้อธิบายว่าตอนนั้นลูกชายทั้ง 3 คนของเบลคอยู่ในเบาะหลังของรถ เขาต้องการจะเปิดประตูเพื่อบอกลูกว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ในมุมของตำรวจนั้น ไม่พร้อมจะเสี่ยงจึงยิงปืนไป 7 นัด เพื่อหยุดยั้งเบลคเอาไว้

7) หลังเกิดเหตุการณ์ คลิปจากเพื่อนบ้านก็ปล่อยลงในอินเตอร์เนต และกลายเป็นไวรัลทันที มันเป็นเรื่องใหญ่มากๆที่รัฐวิสคอนซิน และทั่วทั้งสหรัฐฯ โดยกลุ่มคนผิวดำ มองว่าเป็นอีกครั้งที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับคนผิวดำ

ความเห็นหนึ่งในโลกออนไลน์ระบุว่า ตำรวจมา 3 คน ส่วนเจค็อบ เบลค มีแค่คนเดียว และถ้าจะยิงเป็นการเตือน ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องยิงถึง 7 นัด ขนาดนั้น แค่นัดเดียวก็พอแล้ว

8) กระแส Black Lives Matter ที่เบาลงไประยะหนึ่งจึงกลับมาลุกโชนอีกครั้ง มีการประท้วงครั้งใหญ่ที่เมืองเคโนชา กลุ่มคนผิวดำ รวมตัวกันหน้าสถานีตำรวจ และการชุมนุมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายผู้ว่าการรัฐต้องประกาศเคอร์ฟิว และขอกำลังทหารมากกว่า 1 พันนาย มาควบคุมความสงบ

ในเวลานี้ รัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเท่น เชสกี้ ถูกพักการทำหน้าที่ จนกว่าจะได้ข้อสรุป

9) ข้ามที่การแข่งขันบาสเกตบอล NBA ในฤดูกาลนี้ด้วยความที่มีปัญหา โควิด-19 ทำให้การแข่งต้องเบรกไประยะหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับมาแข่งกันได้แล้ว และอยู่ในรอบเพลย์ออฟ รอบแรก มีหลายๆทีมเช่น โตรอนโต้ แรพเตอร์ส หรือ บอสตัน เซลติกส์ ก็เอาชนะแบบสวีป 4-0 เกม ผ่านเข้ารอบต่อไปเรียบร้อย

แต่ก็ยังมีอีกหลายๆทีม กำลังแข่งขันกันอยู่ และหนึ่งในนั้นคือ ทีมสถิติดีที่สุดอันดับหนึ่งของลีกในซีซั่นนี้ นั่นคือมิลวอกี้ บัคส์ ที่นำคู่แข่งคือ ออร์ลันโด้ เมจิก อยู่ 3-1 เกม ขออีกแค่ 1 เกม ก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป เจอกับไมอามี่ ฮีททันที

10) ตามโปรแกรม มิลวอกี้ บัคส์ กับ ออร์ลันโด้ เมจิก จะต้องแข่งกัน วันที่ 26 สิงหาคม แต่ฝั่งมิลวอกี้ บัคส์ “วอล์กเอาต์” ไม่ยอมแข่งขัน โดยผู้เล่นทุกคนมารวมตัวกัน แล้วประกาศจุดยืนว่า

“ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมาเราได้เห็นความไม่ยุติธรรมหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวแอฟริกันอเมริกัน ผู้คนทั่วประเทศกำลังบอกความรู้สึกของตัวเองที่เจ็บปวดจากการถูกกระทำ และเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ในบ้านของเราเอง ในรัฐวิสคอนซิน เราเห็นเหตุการณ์สยองขวัญที่เจค็อบ เบลค โดนตำรวจยิงจากด้านหลัง 7 นัด”

“ซึ่งแม้จะมีคนประท้วงมากมาย ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆจากภาครัฐ ดังนั้นสมาธิของเราในวันนี้ จึงไม่สามารถอยู่ที่บาสเกตบอลได้อีกต่อไป”

“ในความเป็นนักบาสเกตบอล เราลงเล่นในฐานะตัวแทนของชาวเมืองมิลวอกี้ และ คนในรัฐวิสคอนซิน ดังนั้นเราต้องเล่นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกภูมิใจ ดังนั้นเราก็คาดหวังว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และคนออกกฎหมายในรัฐ จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่จริงๆบ้าง เพื่อให้ชาวเมืองได้ภูมิใจเช่นกัน”

“เราเรียกร้องขอความยุติธรรมให้เจค็อบ เบลค และอยากให้รัฐวิสคอนซิน มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เราขอให้ประชาชนในเมือง ประท้วงอย่างสงบ และอย่าลืมไปใช้สิทธิของตัวเอง เลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้”

11) จุดเริ่มต้นจากมิลวอกี้ บัคส์ กระจายไปที่การแข่งขันอื่นๆ เช่น NBA คู่ระหว่าง โอกลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์ส กับ ฮุสตัน ร็อคเกตส์ และ คู่ระหว่างพอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ กับ แอลเอ เลเกอร์ส ก็ต้องเลื่อนเช่นกัน

บาสเกตบอลหญิง WNBA 3 คู่, เบสบอล MLB 3 คู่ , ฟุตบอลเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ 5 คู่ นี่คือเกมที่ประกาศเลื่อนไปแล้ว และส่อแววจะมีเพิ่มมากกว่านี้อีก

12) คนในวงการกีฬา โดยเฉพาะบาสเกตบอล ที่มีผู้เล่นตัวหลักเป็นคนผิวดำ ล้วนออกมาสนับสนุนการประท้วงของมิลวอกี้ บัคส์ ว่าสมควรจะวอล์กเอาต์เพื่อประกาศจุดยืนให้เห็นเลยว่า ผู้เล่น NBA รับไม่ได้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น

13) อย่างไรก็ตาม ในกระแสสังคมที่สหรัฐฯ ไม่ได้คล้อยตามการประท้วงครั้งนี้ไปเสียหมด มีคนจำนวนมากที่มองว่า ในกรณีของเจค็อบ เบลค แล้วจะให้ตำรวจทำอย่างไร

14) เจค็อบ เบลค มีประวัติอาชญากรรมมาก่อนหน้านี้ เขามีหมายจับคดีล่วงละเมิดทางเพศ, บุกรุกบ้านเรือนของผู้อื่น และ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นเมื่อเบลค ไม่ยอมฟังคำสั่งให้หมอบของตำรวจ แล้วเดินมาเปิดประตูรถ ตำรวจจะรู้ได้ไง ว่าจะไม่หยิบปืนออกมายิงสวน

ความเห็นหนึ่งในทวิตเตอร์ระบุว่า “ความผิดพลาดของเจค็อบคือเขาเดินไปที่รถ และมือเอื้อมไปหยิบอะไรสักอย่างในรถ ตำรวจไม่ใช่ผู้มีพลังวิเศษที่จะอ่านใจได้ ว่าเขาจะทำอะไร เจค็อบอาจจะหยิบปืนออกมาตอบโต้ก็ได้ ดังนั้นตำรวจก็ต้องป้องกันตัวเช่นกัน”

15) อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ฝั่ง Black Lives Matter มองว่า ตำรวจมีทางเลือกมากกว่านั้น ตัวอย่างเช่น เทรเวอร์ โนอาห์ พิธีกรคนดัง กล่าวว่า “ผมไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมตำรวจเปลี่ยนโหมด จากการออกคำสั่ง กลายเป็นจับตายได้เร็วขนาดนั้น จริงๆมีวิธีอื่นตั้งเยอะ เช่นยิงขู่เป็นการเตือน หรือ บุกรวบให้ผู้ต้องหาล้มไปกับพื้น มันเหมือนกับความคิดในหัวของตำรวจมีแค่ 2 ทาง คือ ถ้าไม่ฟังคำสั่ง ก็ต้องโดนยิง 7 นัด”

16) เหตุการณ์เจค็อบ เบลค จึงเป็นดราม่าที่ซ้อนกันอยู่ 2 เรื่องในสังคมอเมริกัน คือเรื่อง Black Lives Matter กับ เรื่องการประกาศจุดยืนของผู้เล่น NBA

17) ในเรื่องแรกนี่เป็นการต่อสู้กันของสองขั้วความคิด นั่นคือฝั่ง Black Lives Matter ที่มองว่าคนผิวดำโดนกดขี่ และเป็นเป้าหมายในการโดนทำร้าย กับอีกฝั่งที่มองว่า คนผิวดำหงายการ์ดเหยียดผิวมาใช้ ทั้งๆที่บางเรื่องไม่เกี่ยวกับสีผิวเลยสักนิด

ฝั่ง Black Lives Matter มองว่าถ้าลองนึกภาพ เป็นชายผิวขาวเดินไปที่รถ ตำรวจอาจจะไม่ยิง 7 นัดแบบนั้นก็ได้ แต่เพราะคู่กรณีเป็นคนผิวดำ ตำรวจจึงใช้มาตรการขั้นรุนแรงที่สุดนั่นคือรัวยิงใส่ แต่อีกฝั่งก็จะตอบโต้ว่า มันไม่เกี่ยวกับสีผิว แต่มันอยู่ที่เจค็อบ ที่ขัดคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐต่างหาก

18) ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้กล่าวถึงเจค็อบ เบลคเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขาทวีตข้อความเตือนกลุ่มผู้ประท้วง โดยระบุว่า “ประเทศนี้เราจะไม่ยอมให้เกิดการปลิ้นชิง เผาไหม้บ้านเรือนอาคาร ใช้ความรุนแรง เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ตอนนี้รัฐบาลได้ส่งกำลังทหารสู่เมืองเคโนชาแล้ว และรัฐวิสคอนซิน ต้องได้กลับมาอยู่ในกฎหมาย และระเบียบของสังคมอีกครั้ง!”

มีการโยงเรื่องนี้ไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกข้างตั้งแต่แรกแล้วว่า จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Black Lives Matter

โดยไมเคิล สเติร์น คอลัมนิสต์จากยูเอสเอ ทูเดย์ ระบุว่า “ยิ่ง Black Lives Matter รุนแรงมากเท่าไหร่ โดนัลด์ ทรัมป์ก็ยิงได้ในสิ่งที่เขาต้องการ” โดยในการเลือกตั้งหาประธานาธิบดีคนใหม่ จะเป็นการวัดพลังของฝั่ง BLM กับกลุ่มอนุรักษ์นิยม ว่าใครจะมีฐานเสียงในสหรัฐฯ มากกว่ากัน

19) ดราม่าเรื่องสีผิวคือประเด็นแรก ขณะที่ดราม่าเรื่องกีฬาคือประเด็นที่สอง เพราะมีการถกเถียงกันว่า สิ่งที่นักบาส NBA ทำ คือเอาการเมืองมาเกี่ยวพันกับกีฬา เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่

20) ฝ่ายแรกมองว่า นักกีฬาก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง นั่นคือลงแข่งขัน โดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาสร้างความวุ่นวายให้คนอื่น

อย่างการตัดสินใจบอยคอตต์ของมิลวอกี้ บัคส์ ทำให้หลายฝ่ายต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป อย่างออร์ลันโด้ เมจิก คู่แข่งของบัคส์ ก็ต้องเลื่อนโปรแกรมตามไปด้วย ขณะที่ทีมงานถ่ายทอดสดทั้งกระบวนการ ก็ต้องเลื่อนใหม่หมด

มีชาวเน็ตเปรียบเทียบว่า ถ้าหากคนอาชีพอื่นๆ ไม่พอใจเหตุการณ์ทางการเมือง ก็คงไม่สามารถหยุดงานประท้วงได้ แต่นักบาส NBA ประกาศหยุดงานกันเฉยๆ เลย ถ้าเป็นอาชีพอื่นอาจโดนไล่ออกไปแล้ว

ลิบบี้ เอ็มม่อนส์ นักข่าวจากเดอะ เฟเดอรัลลิสต์ แสดงความเห็นว่า “ถ้าผู้เล่นอยากจะแสดงจุดยืนทางการเมือง พวกเขาทำได้ แต่ไปทำนอกสนาม ไปประท้วงกันอย่างจริงจังข้างนอกเลย อย่าเอากีฬามาเป็นตัวประกัน”

21) แต่ฝั่งที่สนับสนุนนักบาส NBA ก็มีไม่น้อยเช่นกัน โดยกล่าวว่า ในเมื่อนักกีฬาเป็นเซเล็บของสังคม พวกเขามีพลังที่จะชักจูงให้คนเชื่อ ดังนั้น ก็ควรใช้พลังของตัวเองในการเปลี่ยนแปลงสังคม ให้ก้าวไปในทางที่ดีขึ้น

ชาลิซ มันซ่า นักข่าวจากยาฮูสปอร์ต แสดงทรรศนะว่า “นักกีฬาทำสิ่งที่มีความหมายที่สุด ที่พวกเขาจะทำได้ นั่นคือ ไม่ลงเล่น”

“ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยคุกเข่า แล้วขอให้พวกคุณฟังสิ่งที่เขาอยากจะบอก แต่คุณก็บอกให้เขาหุบปากและเลี้ยงลูกบาสไป จงอยู่ในกรอบที่คุณตีเส้นให้เขา แล้วมาวันนี้พวกเขาประกาศว่า จะหยุดเล่น และไม่สร้างความบันเทิงให้คุณอีกแล้ว มันได้เวลาหรือยัง ที่คุณจะเริ่มฟังเขาจริงๆเสียที”

22) เรื่องการบอยคอตต์ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะอย่างไรต่อ แม้ทางมิลวอกี้ บัคส์ อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงทันที แต่การแก้ไขกฎหมาย มันไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วแน่นอน ขณะที่แฟนๆของมิลวอกี้ ก็ได้แต่เฝ้ารอว่าทีมจะกลับมาแข่งเมื่อไหร่ เพราะปีนี้ คือโอกาสใกล้เคียงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาจะเป็นแชมป์ NBA ครั้งแรกในรอบ 50 ปี ดังนั้นก็ไม่อยากให้ถอนตัวออกมาทั้งๆแบบนี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุด สองทีมดังทั้งแอลเอ เลเกอร์ส และ แอลเอ คลิปเปอร์ส ต้องการไปไกลกว่าวอล์กเอาต์แค่เกมเดียว แต่ประกาศเลยว่าพร้อมที่จะบอยคอตต์ ไม่ลงเล่นทุกเกมที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้

ส่วนทาง NBA ยังคงนิ่งและรอดูสถานการณ์ต่อไป ในเบื้องต้นแจ้งว่า เกมที่แคนเซิลไป จะจัดหาเวลาเพื่อทำการแข่งใหม่ เพียงเท่านั้น

23) สำหรับประเด็นของเจค็อบ เบลค ที่เคโนชา ก็ยังต้องสืบสวนต่อไป ขณะที่สถานการณ์เรื่องสีผิวที่สหรัฐฯ แม้จะผ่านมานานหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ข้อยุติ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า