แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งทหารเร่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ประสบภัยพร้อมเพิ่มครัวสนามและห้องน้ำ

เจ้าหน้าที่สั่งเพิ่มครัวสนามและรถสุขาเพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้อพยพที่ประสบภัยพายุปาบึก หลังอิทธิพลจากพายุโซนร้อนปาบึกสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

วันที่ 5 ม.ค.2562 พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนสิชลคุนาธารวิทยา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยสั่งเพิ่มครัวสนามและเพิ่มรถสุขาเพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้อพยพและจะให้กำลังพลเข้าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายต่อไป ซึ่งล่าสุดได้มีการเข้ารื้อถอนต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนประชาชนจนได้รับความเสียหายจากพายุโซนร้อนปาบึก โดยเร่งตัดต้นไม้และจะช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนเพื่อให้สามารถพักอาศัยได้ตามปกติ ซึ่งแม้ว่าพายุจะพัดผ่านไปแล้วแต่ยังคงมีฝนตกหนักในอำเภอกาญจนดิษฐ์,บ้านนาสาร,เวียงสระ,ท่าชนะ ซึ่งอาจจะทำให้น้ำท่วมขัง บ้านเรือที่อยู่ริมคลองหรือแม่น้ำได้ จึงยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไปอีกสักระยะ

ขณะที่สภาพความเสียหายจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนปาบึกที่พาดผ่านจังหวัดนราธิวาส ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 3 ตำบลกาเยาะมาตี อำเภอบาเจาะได้รับความเสียหายหนัก สวนปาล์ม,สวนยางพารา,เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาด เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้น พบว่าจังหวัดนราธิวาสมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ 15 ตำบล 1 เทศบาล 75 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,513 ครัวเรือน

ด้านดร.ภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสถานการณ์พายุปาบึก ว่า หากมองว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะมีผลดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพายุไกลออกไปเท่าไร ก็จะยิ่งมีผลดีขึ้น ลมเบาลง คลื่นก็รุนแรงน้อยลง ฝนน้อยลง เรือประมงสามารถออกได้ การท่องเที่ยวเดินหน้าต่อ อย่างไรก็ตาม แม้พายุจะออกไปแล้วในวันที่ 7-8 มกราคม แต่ก็ยังอยากจะขอเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง อย่าง จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพรบางส่วน อย่าเพิ่งเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือบ้านเรือนที่ตนเองอาศัยอยู่ เนื่องจากอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ เพราะมีน้ำที่ยังค้างอยู่บนเขาและป่าที่ยังลงมาไม่หมด อาจจะเอ่อท่วมได้ และต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำไปถึงวันที่ 7 มกราคม บางพื้นที่่ที่มีความเสี่ยงควรรอไปจนถึงวันที่ 9 มกราคม 2562