รมว.อุตสาหกรรมเน้นย้ำ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม การลงทุนเพื่ออนาคต หากดำเนินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไทยแลนด์ 4.0 ทั้งการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงรักษาสิ่งแวดล้อม จะทำให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ภายในงาน “Go Thailand: ลงทุนเพื่ออนาคต” วันนี้ (14 มี.ค. 2561) นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันศักยภาพเศษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ในการปฏิรูปประเทศ เศรษฐกิจ สังคม ที่ต้องขับเคลื่อนทั้งการลงทุน การคมนาคม โทรคมนาคม อุตสาหกรรมภาคบริการ ภาคการเกษตร นั้น ไม่ใช่การลงทุนไร้ทิศทาง แต่จะเป็นไปตามทิศทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) และเป็นไปตามโรดแมป ประเทศไทย 4.0
สำหรับการปฏิรูปประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 นั้นจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญใน 4 ข้อหลัก ได้แก่
1.แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม
2.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
3.พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
4.คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด มั่งคั่ง และยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ มีภูมิต้านทานต่อผลกระทบที่อาจเกิดจากนอกประเทศที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน และในวันนี้ยังถือโอกาสประสานพลังของคนรุ่นใหม่ บริษัทสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี กับประสบการณ์ที่คนรุ่นเดิมสะสมมา จะทำให้เกิดเป็นพลังที่เข้มแข็ง ขับเคลื่อนปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวตอนหนึ่งว่า “วันนี้เราต้องก้าวไปข้างหน้า และสร้างโอกาสให้ทุกภาคส่วน เพื่อให้สังคมก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน นาทีนี้อาเซียนกำลังถูกจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก และไทยยังถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศน่าลงทุนอันดับ 8 ของโลก ซึ่งรัฐบาลกำลังทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาด้านอื่นต่อไป”
นายอุตตม ยังกล่าวถึง พระราชบัญญัติเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก พ.ศ…. หรือ “พ.ร.บ.อีอีซี” ที่ได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สนช.) และเตรียมประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ว่า อีอีซีจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า เราจะเดินตามแผนการ คาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอเอ ในส่วนของผู้ลงทุนที่ยื่นขอสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนเมื่อปีที่แล้วในอีอีซี มีกว่า 300,000 กว่าล้านบาท ส่วนปีนี้เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเพิ่มมากกว่าเดิม โดยอีอีซีจะมีโครงการใหม่ๆ เริ่มต้นดำเนินการ เชื่อว่าจะเห็นผลภายใน 6 เดือน
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไทยมีความชัดเจนที่ต้องการต่อยอดไปสู่ขีดความสามารถของประเทศ ที่จะเป็นฐานการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์แห่งอนาคต ไม่เพียงแต่ประกอบ แต่ผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แบตเตอรี่ ระบบคอนโทรล ตอนนี้มีผู้ประกอบการผู้ผลิตไปยื่นเรื่องต่อบีโอไอตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา แทบจะทุกบริษัท คิดเป็นเงินกว่าหมื่นล้านบาท มุ่งสู่การยกระดับการเป็นฐานการผลิตเศรษฐกิจชีวภาพ หรือ Bioeconomy
ขอบคุณภาพจาก Thaigov