เป้า 5 ปี ‘ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค’ ชิงแชร์น้ำอัดลมปีละ 1% โตสองเท่าของตลาดให้ได้

หลังจากที่ในปี 2561 ข่าวใหญ่ในวงการเครื่องดื่มของไทยคือการที่ ‘เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง’ ผนึกกำลังกับบริษัทเครื่องดื่มจากญี่ปุ่นอย่าง ‘กลุ่มซันโทรี่’ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) แห่งใหม่ที่มีชื่อว่า “บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ประเทศไทย จำกัด”

ซึ่งบริษัทใหม่นี้จะทำหน้าที่ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ในไทยแบบครบวงจร ทั้งผลิต จำหน่าย กระจายสินค้า รวมถึงสร้างแบรนด์และทำการตลาด

วันนี้ผ่านมาแล้ว 5 ปี ด้วยการดำเนินธุรกิจผ่านกลยุทธ์ “Must Win Battle” ทำให้แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โควิดไปถึง 3 ปี แต่ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ก็สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างสวยงาม

โดยเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 5.9% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โตกว่าภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ถึง 3 เท่า

‘อชิต โจชิ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพความสำเร็จตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ดังนี้

1.เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม (Strengthen Core) โดยส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกสู่ตลาด ช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้ย โดยมาร์เก็ตแชร์เติบโตสูงถึง 2.6% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาลที่เติบโตถึง 19%

2.ขยายกลุ่มนวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Portfolio Transformation) รุกตลาดใหม่ทั้งชาและกาแฟพร้อมดื่ม รวมถึงเครื่องดื่มให้พลังงานระดับพรีเมียม ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด โดยสินค้าเพื่อสุขภาพมีการเติบโตถึง 58%

3.สร้างความสำเร็จร่วมกับคู่ค้า (Win With Customers) ขยายฐานคู่ค้าทั่วประเทศ ทั้งธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) เครือข่ายร้านอาหาร และช่องทาง E-commerce ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

4.ส่งเสริมการเติบโตระยะยาวด้วยการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมุ่งสู่ความยั่งยืน (Insulated Long Term) ด้วยสายการผลิตคุณภาพสูง แต่ละปีมีปริมาณเครื่องดื่มที่ผลิตได้เฉลี่ยถึง 600 ล้านลิตร โดยมีความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้ทั้งกระบวนการผลิตเครื่องดื่ม 1 ลิตร เราใช้น้ำเพียง 1.4 ลิตรเท่านั้น เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากในโลก

บริษัทมุ่งมั่นอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำผ่านการดำเนินกิจการด้วยการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และดำเนินโครงการ “มิซุอิกุ (MIZUIKU): สอนน้องรักษ์น้ำ” ตั้งแต่ปี 2562 โดยมีนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นกว่า 14,500 คน

อีกทั้งยังการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เริ่มต้นจากการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% รวมถึงการให้ความรู้ในการคัดแยกขยะที่ถูกต้องกับเยาวชนและชุมชน พร้อมทั้งดำเนินโครงการคัดแยกและเก็บกลับบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้มากขึ้น

5.พัฒนาองค์กรด้วยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรและสร้างคน (Develop Organization) ส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาทักษะต่างๆ อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อการเติบโตไปพร้อมกับองค์กร

“ก้าวต่อไปของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค จะยึดหลัก Gemba ที่หมายถึงการเข้าใจความต้องการอย่างแท้จริงของผู้บริโภค พนักงาน คู่ค้า ไปจนถึงสังคม อีกคำคือ Yatte Minahare ซึ่งหมายถึงสปิริตของการเป็นผู้กล้าที่จะลงมือทำ ไม่ย่อท้อ และกล้าทำไปเรื่อยๆ

“สองคำนี้ทำให้บริษัทมี Agile Mindset หรือคิดและทำไปพร้อมๆ กัน พร้อมที่จะปรับตัวฉับไวทันต่อสถานการณ์” อชิตกล่าว

เขายังบอกอีกว่า กลยุทธ์ปีนี้คือสร้างการเติบโตให้ส่วนแบ่งการตลาด เปิดตัวโปรดักต์ใหม่ๆ ร่วมสร้างความสำเร็จไปพร้อมๆ กับคู่ค้า สานต่อโครงการเดิมในเรื่องความยั่งยืน สร้างองค์กร วัฒนธรรม และสร้างคน

“เราหวังว่าปีนี้จะโตกว่าตลาด 2 เท่า คือ หากตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์โต 2-3% เราจะโต 4-6% ทั้งนี้คาดว่าตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 1.5-2 แสนล้านบาท โดยน้ำอัดลมครองส่วนแบ่งประมาณ 30%”

“ส่วนเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากจะเติบโตเป็นสองเท่าของการเติบโตตลาดในทุกๆ ปีแล้ว เรายังตั้งเป้าจะช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมให้ได้เพิ่มขึ้นปีละ 1% ด้วย” อชิตกล่าว

ด้าน ‘อนวัช สังขะทรัพย์’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กล่าวว่า หากพิจารณาตลาดเครื่องดื่มไทยในช่วงปี 2561-2565 โดยภาพรวมแล้วเราพบว่าตลาดเครื่องดื่มยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มในกลุ่มน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาล สอดคล้องกับเทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภค

โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ทำผลงานได้เป็นอย่างดี ขยายการเติบโตของเครื่องดื่มเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลได้ถึง 19% เฉลี่ยใน 5 ปีที่ผ่านมา รวมถึงส่งชาอู่หลงพร้อมดื่ม TEA+ และกาแฟพร้อมดื่ม BOSS Coffee เข้าแข่งขันในตลาดชาและกาแฟพร้อมดื่มที่มีศักยภาพการเติบโต

ที่สำคัญยังส่ง Rockstar เจาะตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงสุดในอีก 5 ปีข้างหน้า

โดยในปี 2566 นี้ เราพร้อมทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เดินหน้าเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

1.Consumer Centric ทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างถ่องแท้

2.Product พัฒนาและนำเสนอสินค้าทั้ง 9 แบรนด์ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคและตอบรับการเติบโตของตลาด

3.Awareness สร้างการรับรู้ผ่าน 22 แคมเปญส่งเสริมการตลาดตลอดปี 2566 เพื่อครองใจผู้บริโภค

4.Engage สร้างประสบการณ์ตรงให้ผู้บริโภค โดยตั้งเป้าแจกชิม 10 ล้านขวด และสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์

5.Convert วางแผนกลยุทธ์ราคาและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จูงใจ

“สิ่งที่น่าสนใจคือ น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ของตลาดน้ำอัดลม แต่เทรนด์สุขภาพมาแรงมาก เราคาดว่าใน 5 ปีสัดส่วนน่าจะขึ้นไปเป็น 50% ได้ เพราะแต่ละปีเติบโตถึง 30-40%

“ขณะที่เครื่องดื่มให้พลังงานจะเป็นเซ็กเมนต์ที่จะเติบโตมากที่สุดในรอบ 5 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากโควิดคลี่คลาย ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านและต้องการพลังงาน ทำให้เครื่องดื่มให้พลังงานจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยเฉพาะแนวใหม่ๆ อย่างไลฟ์สไตล์เอนเนอร์จี้ดริงก์ ที่ให้ภาพลักษณ์ความเท่ด้วย ซึ่งเราก็พร้อมทำการตลาดสินค้าของเราอย่างต่อเนื่อง” อนวัช กล่าวทิ้งท้าย