Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อไม่กี่วันมานี้สายการบิน Cathay Pacific ของฮ่องกงต้องยกเลิกเที่ยวบินขากลับ 24 เที่ยวบิน (รวมถึงเที่ยวบินที่มาไทย) และหยุดใช้เครื่องบิน A350 ชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบความปลอดภัย หลังจากพบปัญหาของเครื่องยนต์ที่ ‘Rolls-Royce’ เป็นผู้ผลิตและดูแลซ่อมบำรุง

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่านอกจาก Rolls-Royce จะขายรถหรูคันละ 30 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว ยังมีธุรกิจขายเครื่องยนต์และซ่อมเครื่องยนต์สำหรับ ‘เครื่องบิน’ ที่ทำรายได้สูงไม่แพ้กับการขายรถหรูเลย โดยลูกค้าหลักๆ ของ Rolls-Royce ก็คือเจ้าของ 2 เครื่องบินรายใหญ่อย่าง ‘Airbus’  และ ‘Boeing’ ซึ่งเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินที่แบรนด์ดูแลนั้นจะดูแลครบจบตั้งแต่ซ่อมบำรุงและปรับปรุง

และ Cathay Pacific ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าหลัก 

พอเมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Rolls-Royce ในเช้าวันที่ 03 ก.ย. 67 ร่วงลง 6.14% เลยทีเดียว หรือจะตีมูลค่าความเสียหายเป็นราวๆ  2.7 พันล้านปอนด์หรือราวๆ 1.18 แสนล้านบาท 

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่แบรนด์ตำนานอย่าง Rolls-Royce เกิดวิกฤติ ทั้งๆ ที่เพิ่งฟื้นได้ไม่นาน TODAY Bizview ชวนย้อนรอยวิกฤติแบรนด์ที่เพิ่งฟื้นได้ไม่นานกันสักนิด 

[ Rolls-Royce วิกฤตจำใจปลดพนักงาน แบมือขอเงินจากผู้ถือหุ้น ]

ย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีก่อนที่เราเผชิญกับวิกฤตโควิด ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบกันเกือบหมด อยู่ที่ใครหนักใครเบามากกว่ากัน โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่ว่าจะรถสัญชาติไหนก็ล้วนวิกฤตกันทั้งนั้น เพราะคนกำเงินแน่น ไม่ซื้อรถใหม่ ไม่ออกไปไหน อยู่แต่บ้าน ทำให้แบรนด์รถยนต์ใหญ่ๆ มักต้องหาทางแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนแรงงาน และรับมือยอดขายตกในรูปแบบที่ต่างกัน 

และแน่นอนว่าในช่วงวิกฤตนั้นแบรนด์รถหรูอย่าง Rolls-Royce ที่ขายรถราคาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ภาพจำบริษัทหรูดูแบกพนักงานไหว แต่ก็ยังต้องจำใจปลดแรงงานไปเกือบ 10,000 ตำแหน่ง พร้อมยังต้องแบมือขอเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่

โดยในช่วงวิกฤตโควิด เราต่างรู้ดีว่ารถยนต์หรูราคาเริ่มต้น 30 ล้านก็ขายออกไม่ได้ง่ายๆ รวมถึงสายการบินไม่เปิดให้บริการ เครื่องบินก็จอดนิ่งๆ เฉยๆ ทำให้ Rolls-Royce ที่สร้างรายได้จาก 2 ธุรกิจนี้ต้องเผชิญวิกฤตเข้าเต็มๆ 

ในตอนนั้น ‘Warren East’ ประธานกรรมการบริหารของ Rolls-Royce เลือกแก้ปัญหาด้วยการแบมือขอเงินผู้ถือหุ้นใหญ่ ราคาหุ้นตกฮวบไม่มีปันผล รวมถึงต้องเลิกจ้างพนักงานราวๆ 9,000 ตำแหน่ง และพาบริษัทฝ่าวิกฤตมาเรื่อยๆ แบบถูๆไถๆ

[ เปลี่ยน CEO ใหม่ บริษัททำกำไรได้ขึ้นมาเลย ]

จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ การบริหารถูกเปลี่ยนมือสู่ ‘Tufan Erginbilgiç’ ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของ Rolls-Royce เข้ามาเปิดเส้นทางให้แบรนด์รถหรูกลับมาทำกำไรได้ในรอบ 5 ปี กอบกู้ความหรูหรา ต่อยอดจุดแข็งของธุรกิจเครื่องยนต์ให้มากกว่าที่เคย

‘Tufan Erginbilgiç’ ได้เข้ามาปรับปรุงโครงสร้างองค์กร อาทิ ควบคุมต้นทุนผลิต ดูแลทรัพยากรบุคคล ดูโครงสร้างการเงิน และที่สำคัญเลยคือเขายังเน้นมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ให้กับธุรกิจเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน 

โดย Rolls-Royce ได้เซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่เพื่อเป็นบริษัทที่ดูแลและบำรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ตระกูล Trent ที่ใช้ขับเคลื่อนเครื่องบินโดยสารระยะไกล เช่น Boeing 787 และ Airbus A350 ด้วยมูลค่าสัญญาราวๆ 1,000 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 43,500 ล้านบาท

และแน่นอนว่าตอนนี้บริษัทได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว เพราะแค่ 2 ไตรมาสปี 2024 มีกำไรจากการดำเนินงาน 1.1 พันล้านปอนด์ (ราวๆ 47,850 ล้านบาท) คิดเป็น +74% จากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มการคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานพื้นฐานสำหรับปีนี้ทั้งปีอยู่ที่ราวๆ  2.3 พันล้านปอนด์ (ราวๆ 1 แสนล้านบาท) และตั้งเป้ามีกระแสเงินสด 2.2 พันล้านปอนด์ (ราวๆ 9.9 หมื่นล้านบาท) 

[ มอบหุ้นให้พนักงาน ตอบแทนที่ช่วยฟันฝ่าบริษัท ]

อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัทกลับมาฟื้นกำไรได้แล้วต้องยอมรับว่านอกจากการบริหารที่ดีจากประธานบริษัทแล้ว ‘พนักงาน’ ก็ถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญของธุรกิจ 

และแบรนด์รถหรูอย่าง ‘Rolls-Royce’ ได้ตอบแทนพวกเขาผ่านการมอบหุ้นบริษัทให้พนักงานทุกคน ด้วยมูลค่าราวๆ 700 ปอนด์หรือราวๆ 31,000 บาท 

ปัจจุบัน ‘Rolls-Royce’ มีพนักงานทั่วโลกกว่า 40,000 คน โดยการมอบหุ้นให้พนักงานทั้งหมด บริษัทจะเสียเงินราวๆ 30 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 1,300 ล้านบาท

“เป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานทุกคนของเราจะต้องสามารถแบ่งปันความสำเร็จของเราได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราให้โอกาสพนักงานในการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของแบรนด์” ‘Rolls-Royce’ กล่าว 

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องราวของ ‘Rolls-Royce’ ในแง่มุมบริหารก็ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดี เพราะในช่วงที่ลำบากที่สุดผู้อยู่เบื้องหลังที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘พนักงาน’ และการตอบแทนพวกเขาถือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สุดสำหรับองค์กร

แต่ในมุมธุรกิจ โดยเฉพาะกับกรณีของ Cathay Pacific ต้องมารอดูความรับผิดชอบจาก Rolls-Royce ว่าจะแก้ไขปัญหาได้ดีเหมือนที่ดูแลองค์กรได้ดีหรือไม่ เพราะความเสี่ยงจากการเดินทางไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสำหรับใครเลย… 

ที่มา 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า