Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สินค้าก๊อปเกรด A หมู่บ้านชาวประมง ความเจริญที่เข้าถึงน้อย เมืองที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ใช่แล้วนี่คือนิยามใน ‘อดีต’ ของ ‘เซินเจิ้น’  (Shenzhen)  เมืองในมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong) ทางตอนใต้ของประเทศจีน มีอาณาเขตติดกับ ‘ฮ่องกง’

กว่า 40 ปีที่ผ่านมา ‘เซินเจิ้น’ ได้รับการปรับปรุงใหม่ ยกผังเมืองใหม่เกือบจะทั้งหมด ออกแบบอาคารตึกในเมืองให้ในดีไซน์เดียวกัน สร้างเมืองให้ดูใหม่และทันสมัย และการวางตำแหน่งให้เป็นเมืองสมาร์ตซิตี้มีธุรกิจเทคโนโลยีตั้งอยู่ จากนิยามเมืองเซินเจิ้นที่คนไทยคุ้นชินในอดีตเมื่อหลายปีก่อนว่าเป็นแหล่งขายสินค้าก๊อป หลายปีมานี้เซินเจิ้นมาสู่ภาพลักษณ์ใหม่ เมืองที่ถูกปรียบเทียบว่าเป็น ‘ซิลิคอนวัลลีย์แห่งเอเชีย’

TODAY Bizview มีโอกาสไปสำรวจในเมืองเซินเจิ้น ได้เห็นความเจริญของวิถีชีวิตของผู้คนแบบคนเมืองที่ดูเร่งรีบ ตึกอาคารดูทันสมัย  ผู้คนเน้นขับขี่ รถยนต์ไฟฟ้า มากกว่ารถน้ำมันแล้ว เซินเจิ้นใช้เวลาก่อร่างพัฒนาความเป็นเมืองใหม่ในเวลา 40 ปี เมืองแห่งนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ไปติดตามกัน

[ คนในท้องถิ่นมีแค่หลักหมื่น สู่การพัฒนาที่ดึงดูดคนเข้ามา ]

ในอดีตช่วงทศวรรษ 1900 เซินเจิ้นเป็นเพียงเมืองที่มีหมู่บ้านชาวประมง มีอุตสาหกรรมหลักๆ คือการผลิตสินค้าปลอมหรือที่เราเรียนกกันว่าของก๊อป โดยที่ในเมืองก็เงียบสงบ มีแต่พื้นที่สีเขียว บ้านเมืองดูโทรมๆ เก่าๆ และมีผู้คนที่เป็นคนในท้องถิ่นจริงๆ ประมาณ 30,000 คนเท่านั้น 

จนกระทั่งช่วงปี 1980 รัฐบาล ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ กำหนดให้เซินเจิ้นเป็น ‘เขตเศรษฐกิจพิเศษ’ แห่งแรกของจีน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน ซึ่งช่วงนั้นเซินเจิ้นมีการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตแบบเบาเป็นหลัก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และของเล่น

การพัฒนาของเมืองนี้มีมาให้เห็นเรื่อยๆ เจริญไปกว่าเดิมแต่ไม่ได้รวดเร็ว (ช่วงปี 1990) ซึ่งช่วงนั้นเซินเจิ้นได้เป็นศูนย์กลางการลงทุนจากต่างประเทศด้วยนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีที่สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูง ทำให้บริษัทเทคโนโลยีเริ่มมองพื้นที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการผลิต ส่งผลให้ผู้คนเริ่มย้ายถิ่นฐานเข้าเซินเจิ้นมากขึ้น มีการเติบโตของ GDP อย่างรวดเร็ว 

[ เส้นทาง ‘ซิลิคอนวัลลีย์แห่งเอเชีย’ ]

จนกระทั่งในปี 2000 เส้นทาง ‘ซิลิคอนวัลลีย์แห่งเอเชีย’ ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วที่เมืองแห่งนี้ 

ช่วงเวลานั้นเซินเจิ้นมีนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีที่สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูง จนกระทั่งเมืองเริ่มกลายเป็นศูนย์กลางของการลงทุนขนาดใหญ่ระดับโลก มีบริษัทเทคโนโลยีที่มียักษ์ใหญ่ อาทิ Huawei, ZTE, BYD, และ DJI มาตั้งฐานออฟฟิศและฐานการผลิต 

ภายในเมืองมีตึกสูงมากมาย มีอาณาจักรของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ของจีนอย่าง Huawei ที่พื้นที่รองรับพนักงานได้มากถึง 2 แสนคน มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด GDP ก็โตต่อเนื่อง

ในมุมการพัฒนาจากรัฐบาลก็ยังไม่หยุด เพราะเน้นให้เมืองมีตึกสูงมากมายแล้ว แต่ก็ยังมีการพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้มีพื้นที่สีเขียวควบคู่ไปด้วย ทำให้เซินเจิ้นดูเป็นเมืองใหม่ที่ดึงดูดนักลงทุนได้ไม่น้อย

[ ความพีคฮ่องกงซาลง คนเข้ามาทำงานเซินเจิ้นเพิ่ม ]

มากไปกว่านั้น เซินเจิ้นเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ ‘ฮ่องกง’ เขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นกัน แต่ปัจจุบันในสายตานักลงทุนนั้น เซินเจิ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น 

จนเกิดเป็นคำพูดในจีนที่ว่า ‘ฮ่องกงเริ่มเน่า คนเข้ามาทำงานเซินเจิ้น’ โดยสถานการณ์ปัจจุบันของฮ่องกงนั้นมีเรื่องของค่าครองชีพที่สูง ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย เปรียบเทียบง่ายๆ ว่ามีเงิน 1 ล้านดอลลาร์หรือราวๆ 35 ล้านบาทซื้อที่ดินใจกลางเมืองฮ่องกงได้เพียง 22 ตารางเมตรเท่านั้น 

ขณะที่เซินเจิ้นมีค่าครองชีพที่ถูกกว่า มีเงิน 1 ล้านดอลลาร์หรือราวๆ 35 ล้านบาทซื้อที่ดินใจกลางเซินเจิ้นได้ราวๆ 80 ตารางเมตรเลยทีเดียว

ทำให้เริ่มมีคนจากฮ่องกงมองหางานในเซินเจิ้นมากขึ้น เพราะมีตำแหน่งงานที่มากกว่า เมืองกำลังอยู่ในการพัฒนา และถ้าหากเดินทางโดยไฟฟ้าความเร็วสูงจากฮ่องกงมาเซินเจิ้นก็ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น 

แต่ในอีกมุมหนึ่ง 2 เมืองนี้ก็ยังพึ่งพาพึ่งอาศัยทางเศรษฐกิจ เพราะฮ่องกงยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินที่สำคัญของโลก มีระบบธนาคารที่แข็งแกร่ง ตลาดหลักทรัพย์ที่เข้มแข็ง และระบบภาษีที่มีข้อได้เปรียบ ทำให้เป็นที่ตั้งของบริษัททางการเงินและกองทุนระหว่างประเทศ 

ขณะที่เซินเจิ้นเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ทำให้ทั้งสองเมืองเชื่อมโยงกันผ่านการค้าขายและการลงทุนข้ามพรมแดน โดยบริษัทในฮ่องกงมักใช้เซินเจิ้นเป็นฐานการผลิต ขณะที่บริษัทในเซินเจิ้นใช้ฮ่องกงเป็นช่องทางในการเข้าถึงตลาดโลกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงในความน่าอยู่ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าเซินเจิ้นก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะการพัฒนาที่ก้าวกระโดด มีผู้สนับสนุนหลักคือรัฐบาล นโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน ในอนาคตอาจจะได้เห็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดของเมืองนี้อีกเรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมาใช้เวลาแค่ราว 40 ปีเท่านั้น ยังพัฒนามาได้ถึงขนาดนี้

ที่มา 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า