1. เริ่มจากต้นปี 2566 (วันที่ 2-4 ก.พ. 2566) ‘หมอบุญ’ หรือชื่อเต็ม ‘บุญ วนาสิน’ ออกสื่อชวนคนมาลงทุนใน 5 โครงการ* โดยอ้างว่า หากร่วมลงทุนจะได้กำไร 700 ล้านบาทในปี 2566 และ 1,000 ล้านบาทในปี 2567
2. หลังจากนั้น ผู้เสียหายที่ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และบุคลากรทางการแพทย์หลายร้อยราย หลงเชื่อหมอบุญและครอบครัว ตัดสินใจลงทุนผ่านตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) ในรูปแบบที่หมอบุญทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย
3. ในการทำสัญญากู้ยืมเงิน มีการออกเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้าในชื่อ ‘บุญ วนาสิน’ โดยมี ‘จารุวรรณ วนาสิน’ และ ‘ณวรา วนาสิน’ บุคคลในครอบครัวของหมอบุญเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญา
4. ช่วงแรกก็มีการจ่ายดอกเบี้ยจริง แต่ต่อมาไม่ได้มีการชำระแต่อย่างใด ส่วนเช็คที่ออกให้ พอผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นตามวันและเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน (เช็คเด้ง)
5. ต่อมามีการตรวจสอบ พบว่า หมอบุญ ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2567 เวลา 14.25 น. ด้วยสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ปลายทางคือประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี
6. เรื่องแดงขึ้นมาเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 2567 หลังตำรวจออกหมายจับหมอบุญกับพวก รวม 9 คน ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและฟอกเงิน ตอนนี้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 8 ราย (ณ วันที่ 25 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น.) เหลือ 1 รายที่ยังหลบหนี ก็คือหมอบุญ
7. ระหว่างเดือน ธ.ค. 2566 จนกระทั่งเดือน ต.ค. 2567 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้วกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายราว 7,500 บาท ล่าสุด เช้าวันนี้ (25 พ.ย. 2567) สื่อในประเทศรายงานว่า มูลค่าความเสียหายอาจพุ่งสูงกว่า 10,000 ล้านบาท
8. บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) บริษัทที่หมอบุญก่อตั้ง ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชักชวนลงทุนของหมอบุญ และหมอบุญไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทแล้ว
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น THG วันนี้ ปิดที่ 16.60 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4.40% จากวันก่อนหน้า (22 พ.ย. 2567)
‘มินทรา รัตยาภาส’ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แชร์ว่า THG แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับโครงการตามหน้าสื่อ โดยระบุว่า โครงการลงทุนดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท เป็นเรื่องการลงทุนส่วนบุคคลเท่านั้น
เช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีการออกมาให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคลเช่นกัน
แม้ก่อนหน้านี้ THG จะมีประเด็นการปล่อยกู้ภายในที่ไม่ถูกต้อง แต่ความเสียหายดังกล่าวได้ถูกตั้งสำรองไปแล้วในไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นค่อนข้างเหวี่ยง เพราะมีประเด็นไม่น่าเชื่อถือแวดล้อม ปัจจัยพื้นฐานมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งการปรับโครงสร้างทีมบริหาร ซึ่งต้องจับตาทีมใหม่ที่เข้ามาว่าจะมีทิศทางอย่างไร เช่น โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ อาจมีการรีวิวการลงทุน เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ถ้ามีหุ้นในพอร์ต แนะนำถือต่อได้ เพราะถือเป็นโรงพยาบาลที่ดี มีศักยภาพ เพียงแต่มีประเด็นเชิงลบเข้ามากระทบในช่วงนี้ แต่ถ้าไม่มีหุ้นในพอร์ตและอยากเข้าลงทุนยาว แนะนำให้รอก่อน ส่วนคนที่อยากเข้าเก็งกำไร แนะนำให้ระมัดระวัง
ในส่วนของราคาหุ้น แม้ฝ่ายวิเคราะห์จะให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 22.00 บาท แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรีวิวบทวิเคราะห์ใหม่ ซึ่งมีความเสี่ยงในบางประเด็นที่ต้องระวัง เช่น รายได้ที่อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือหากรวมตั้งสำรองอาจไม่ได้กำไร ส่งผลให้อาจมีการปรับประมาณการลง
*หมายเหตุ: 5 โครงการที่เป็นข่าว ได้แก่
1. โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,000 ล้านบาท
2. โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
3. โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง และจำปาสัก 1 แห่ง)
4. โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
5. โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท
ที่มา: