SHARE

คัดลอกแล้ว

CPF ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท อัปเกรด-ขยายโรงงาน-ร่วมทุนธุรกิจอาหาร-ปรับโครงสร้าง หนุนรายได้โต 5-8% พร้อมตอบประเด็น ‘ปลาหมอคางดำ’ หลังศาลรับฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่ม มั่นใจไม่กระทบกำไรปีนี้

‘ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ’ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวถึงการลงทุนในปี 2568 ว่า CPF ตั้งงบลงทุนไว้ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน (2567) ส่วนใหญ่เป็นการอัปเกรดโรงงาน สร้างโรงงานใหม่ในบางประเทศ การร่วมทุน (JV) ในธุรกิจอาหาร และการปรับโครงสร้าง

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าบริษัทค่อนข้างระมัดระวังเรื่องของการลงทุน โดยในปีที่ผ่านมา CPF ใช้งบลงทุนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 1.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไหลลงต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทเองเผชิญกับภาวะขาดทุนครั้งแรกในรอบ 23 ปี (2566)

ทั้งนี้ เป็นผลจากความต้องการขาย (Supply) ที่ล้นตลาด ต้นทุนทางธุรกิจที่ปรับตัวขึ้น และความท้าทายในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม CPF รอดพ้นจากวิกฤตขาดทุนมาได้จากการปรับตัว เช่น ส่วนไหนอัตราการใช้ทรัพยากร (Utilization Rate) ต่ำก็ปิดไป เป็นต้น

ขณะที่ในปี 2567 ในช่วงไตรมาส 1 ยังคงขาดทุนต่อเนื่อง แต่เริ่มเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 2 ส่วนช่วงปลายปี บริษัทได้ปัจจัยหนุนจากการระบาดของไข้หวัดนกในแถบเอเชีย โดยเฉพาะเวียดนาม ส่งผลให้ราคาขายปรับขึ้น ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือในไทยในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ส่งผลให้ราคาขายทยอยปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

มาในปี 2568 สถานการณ์เริ่มดีขึ้น โดยราคาขายเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ต้นทุนการขนส่งดีขึ้น และบริษัทนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดลงทุกจุด โดยมั่นใจว่าในไตรมาส 1 ปีนี้ยังไงก็ไม่ขาดทุน

ขณะที่แนวโน้มไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่ขาดทุนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่อยากตั้งเป้าหมายไว้สูง (Bullish) มากนัก เพราะประเมินว่าสถานการณ์ทั่วโลกอาจเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงที่เหลือนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัท

ยกตัวอย่างเช่น สงครามการค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศ อย่างไรก็ตาม CPF ประเมินว่าบริษัทจะถูกกระทบทางตรงน้อย เนื่องจากมีการส่งออกไปยังสหรัฐค่อนข้างต่ำ โดยส่งออกเกี๊ยวกุ้งไปปีละ 20 ล้านบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโรงงานในสหรัฐ 3 แห่ง ยอดขายราว 2 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการผลิตและขายภายในสหรัฐ ไม่ใช่การส่งออกจากไทยไปสหรัฐ จึงไม่มีผลกระทบในส่วนนี้

สำหรับโปรดักต์ชูโรงในต่างประเทศ CPF นำเสนอ ‘ไทยคิวบ์ส’ (Thai Cubes) ภายใต้แบรนด์คิทเช่นจอย  (Kitchen Joy) อาหารพร้อมทาน ซึ่งได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะสแกนดิเนเวีย

ปัจจุบันมีสินค้าประมาณ 7-8 ตัว (SKU) เป็นอาหารไทยประมาณ 5-6 SKU เช่น ผัดไทย และแกงเขียวหวาน เป็นต้น โดย CPF พยายามผลักดัน Thai Cubes เข้าไปในอังกฤษและเยอรมนี เพราะมองว่าสินค้าดังกล่าวเหมาะกับคนยุโรป

กล่าวคือ เป็นอาหารจานเดียว เหมาะกับคนยุโรปที่มักไม่มีจานกลาง ทานอาหารจานใครจานมัน ใช้เวลาไมโครเวฟเพียง 4-5 นาทีก็สามารถรับประทานได้ เหมาะเป็นมื้อเที่ยงช่วงพักเบรกจากงาน เป็นต้น ทั้งนี้ เป็นการผลิตที่ไทย ก่อนส่งไปจำหน่ายที่ยุโรป

สำหรับข้อมูลด้านการเงิน ในปีที่ผ่านมา (2567) CPF มียอดขายสูงถึง 5.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) 23% ธุรกิจเลี้ยงสัตว์-แปรรูป (Farm-Processing) 55% และธุรกิจอาหาร (Food) 22%

โดยปัจจุบัน CPF มีโรงงานใน 17 ประเทศ แบ่งเป็นโรงงานที่ลงทุนเอง 14 ประเทศ และโรงงานที่ร่วมทุนจัดตั้ง 3 ประเทศ ขณะที่สัดส่วนยอดขาย แบ่งเป็น ยอดขายจากประเทศไทย 31% เวียดนาม 22% จีน 5% ฟิลิปปินส์ 4% และอื่นๆ อีก 38%

ขณะที่เป้าหมายทางการเงินของปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่าปีก่อนราว 5-8% ปัจจัยหนุนจากราคาขายที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน และปริมาณการขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดยุโรปที่แนวโน้มค่อนข้างดี โดยเฉพาะไก่

เมื่อพูดถึงไก่แล้ว CPF มีแคมเปญ ‘ไก่ไทยจะไปอวกาศ’ โดยเป็นโครงการวิจัยที่ร่วมกับนาซ่า (NASA) ส่งเมนูไก่ไปให้นักบินอวกาศรับประทาน เพื่อโปรโมทอาหารไทยซึ่งผ่านทุกมาตรฐาน คาดว่าจะยิงขึ้นไปบนอวกาศเดือน พ.ค. ก่อนส่งภาพลงมาเผยแพร่เดือน ก.ค.

ขณะที่ประเด็นร้อนอย่าง ‘ปลาหมอคางดำ’ ที่ล่าสุดศาลแพ่งรับฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยผู้เสียหายเรียกเงินชดเชยจากบริษัทเกือบ 2,500 ล้านบาทนั้น บริษัทให้ข้อมูลว่า สภาทนายความ พร้อมผู้เดือดร้อนอีก 10 คน ซึ่งเป็นเกษตรกรรายย่อยฟ้องแพ่งต่อบริษัท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันศาลรับฟ้องเท่านั้น แต่ยังไม่มีการพิจารณาเนื้อหาของคดี กล่าวคือ ใครถูกหรือใครผิด ยังไม่ถึงกระบวนการนั้น โดยศาลเห็นว่าเกษตรกรฟ้องแบบกระจาย หากฟ้องทีละคนอาจจะยุ่งยาก จึงให้รวบฟ้องเป็นกลุ่มและรับคดีเข้ามาเพื่อพิจารณา

โดยในส่วนของบริษัทก็มีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจำนวนเงิน 2,500 ล้านบาทที่เรียกมานั้น ต้องมีการพิสูจน์ต่อไป ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งกว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ เบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้

เมื่อสอบถามถึงราคาหุ้น CEO ของ CPF แชร์ว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 12 มี.ค. 2568) ราคาหุ้น CPF ยังเป็นบวกอยู่ สวนทางตลาดที่ติดลบ ส่วนหนึ่งเพราะคนหาพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ในการลงทุน ซึ่งธุรกิจเกษตรก็ถือว่าเข้าข่าย เพราะมีปันผลและการเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่การระดมทุน ที่ผ่านมาบริษัทออกหุ้นกู้ไปแล้ว 2 ชุด และยังมีแผนลดหนี้ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันหนี้สินสุทธิ (Net Debt) ของ CPF อยู่ที่ 1.5 เท่า (ณ สิ้นปี 2567) ลดลง 4% จากปีก่อน ขณะที่ต้นทุนการเงินอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำอยู่แล้วที่ 4%

ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ CPF มองว่า GDP ไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา หรือเติบโตมากกว่า 2.5%

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า