KKP ชี้แนวโน้มสินเชื่อบ้านเริ่มเปราะบางขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้บางส่วนยอมปล่อยบ้านให้ถูกยึด
‘ภัทรพงศ์ รักตะบุตร’ ประธานสายธุรกิจสินเชื่อรายย่อย และประธานสายเครือข่ายสาขา ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใส หนี้ครัวเรือนที่สูง ประกอบกับปัจจัยภายนอกที่ค่อนข้างตึงตัว เหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อพอร์ตสินเชื่อบ้าน
โดยในอดีต จะสังเกตเห็นว่าสินเชื่อบ้านมักไม่ไหลลงเป็นหนี้เสีย (NPL) เพราะบ้านถือเป็นปัจจัย 4 เป็นสินทรัพย์ที่หลายคนอยากมี และเป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายที่ลูกค้าจะปล่อยเมื่อเกิดวิกฤต
แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สินเชื่อบ้านเริ่มมีความเปราะบางมากขึ้น จากสารพัดปัจจัย ได้แก่ การซื้อบ้านเพื่อลงทุน และการซื้อบ้านในลักษณะ ‘สินเชื่อเงินทอน‘ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ความสามารถในการผ่อนชำระก็ลดลง
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2566-2567 ที่ผ่านมา ตัวเลขสินเชื่อบ้านในระบบ รวมถึงยอดจดจำนองบ้าน จะลดลงมากกว่า 10%
นอกจากความเปราะบางที่มากขึ้นแล้ว ตลาดที่อยู่อาศัยก็อยู่ในภาวะ Oversupply กล่าวคือ มีบ้านในตลาดมากกว่าความต้องการซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม
ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป จากเดิมคนมีกำลังซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 หรือซื้อเพื่อการลงทุน แต่ในปีที่ผ่านมา (2567) เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและย่ำแย่ ส่งผลให้คนพิถีพิถัน ไตร่ตรองการซื้อบ้านมากขึ้น
สำหรับลูกค้าที่มีวินัยทางการเงินดี กลุ่มนี้ก็เลือกเยอะขึ้นเช่นกัน ทั้งระดับราคาที่เหมาะสม โลเคชันที่เหมาะสม รวมถึงคาดการณ์รายได้ของตนเองในอนาคต เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านของลูกค้าทั้งสิ้น
ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เดิมมีการซื้อคอนโดมิเนียมทันทีหลังเรียนจบ กลุ่มนี้ก็ชะลอตัวเช่นกัน โดยเปลี่ยนไปอยู่กับพ่อแม่ หรือเช่าอยู่อาศัยก่อน เป็นต้น
ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ KKP เองก็เห็นพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยลูกค้าที่มีสินเชื่อบ้านกับธนาคาร มักจะมีการใช้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan: P Loan) ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่าสินเชื่อบ้าน
ในการนี้ ธนาคารจึงออกพรอดักต์ใหม่ วงเงินสำรองพร้อมใช้ KKP HOME FLEXI สำหรับลูกค้าที่มีสินเชื่อบ้านกับ KKP ทุกคน สามารถขอวงเงินฉุกเฉินได้ทันที ถอนขั้นต่ำ 3,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับสินเชื่อบ้าน 5-6%
ทั้งนี้ มีเงื่อนไข ได้แก่ 1. ผ่อนชำระไปแล้ว 20% หรือ LTV น้อยกว่า 80% และ 2. วงเงินจากการโปะบ้าน ส่วนนี้ขอได้ทันที 100%
KKP HOME FLEXI มีข้อดี คือ ดอกเบี้ยถูกกว่า P Loan กระบวนการขอไม่ยุ่งยากเท่าสินเชื่อกู้เพิ่ม (Top up) และแตกต่างจากสินเชื่อบ้านแลกเงิน (Home for Cash) ที่ขอได้เฉพาะบ้านปลอดภาระ ขณะที่วงเงินที่ต้องเบิกจ่ายอาจจะสูงเกินกว่าความจำเป็นของลูกค้า
สำหรับลูกค้าใหม่ที่มีสินเชื่อบ้านกับ KKP จะได้รับบริการทันทีบนแอปพลิเคชันของธนาคาร ส่วนลูกค้าเดิมที่มีสินเชื่อบ้านกับธนาคาร ธนาคารจะทยอยให้ข้อมูลและขอความยินยอม (Consent) จากลูกค้าเพื่อให้บริการ หรือลูกค้าที่สนใจ สามารถติดต่อขอรับบริการได้ทุกช่องทางของธนาคาร
‘ตอนโปะเขาอาจจะยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ในบางจังหวะชีวิต เงินเก็บอาจจะไม่พอ เหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้‘
ปัจจุบันลูกค้าสามารถเลือกผ่อนชำระได้สูงสุด 24 เดือน โดยในอนาคต KKP คาดว่าจะขยายบริการให้ได้ครอบคลุมสูงสุด 60 เดือน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
เมื่อสอบถามเป้าหมายสินเชื่อบ้านปีนี้ (2568) KKP ตั้งเป้าขยานสินเชื่อบ้านอีก 5,000-6,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยคาดว่า 50% จะมาจากลูกค้าที่รีไฟแนนซ์จากธนาคารอื่น ซึ่งนอกจากอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ (2.9%) ยังได้แรงหนุนจากบริการของ KKP ด้วย