8 หนังผีไทย โครตสยองทำเงินเยอะสุด!

รู้ไหมหนังผีเรื่องไหน ทำเงินเยอะสุดตลอดกาล

คุณเคยดูครบทั้ง 8 อันดับแรกหรือเปล่า!?

อันดับ 8 บุปผาราตรี เฟส 2 รายได้ : 72.2 ล้านบาท

หลังจากบุปผา ราตรี ของยุทธเลิศ สิปปภาค เปิดตัวในปี 2003 ปรากฏว่าได้รับกระแสความนิยมแบบถล่มทลาย ไอเดียของภาพยนตร์ที่มีความน่ากลัวจริงๆ แต่ก็สอดแทรกมุกตลกได้อย่างถูกจังหวะ ถูกเริ่มขึ้นจากบุปผาราตรีในภาคแรก โดยในภาคแรก หนังทำเงินไป 40 ล้านบาท ทำให้ทาง ผู้สร้างมหาการภาพยนตร์ สร้างต่อในภาคที่ 2 คือ บุปผาราตรี เฟส 2

เส้นเรื่องของบุปผาราตรี เริ่มขึ้นหลังจาก บุปผา ราตรี (พลอย เฌอมาลย์) นักศึกษาแพทย์ ที่ไม่เคยเปิดใจให้ใครมาก่อนเลย ไปตกหลุมรัก เอกพล (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) จนยอมไปทะเลบางแสนด้วยกัน จนมีความสัมพันธ์กัน 3 วัน 3 คืน ไม่ได้ออกจากห้อง แต่บุปผามารู้ว่า จริงๆเอกพล แค่หลอกฟันเท่านั้น เพราะพนันเหล้า 1 ขวด ไว้กับเพื่อน ว่าจะจีบบุปผาให้ติดให้ได้

บุปผาโดนทิ้ง และตั้งครรภ์ เธอตัดสินใจทำแท้งในห้องของตัวเองที่ออสการ์ อพาร์ตเมนต์ แต่สุดท้ายตกเลือดเสียชีวิต จึงกลายเป็นผี เฝ้าห้อง และอาละวาดจนไม่มีใครกล้าอยู่ในอพาร์ตเมนต์

ส่วนในภาคเฟส 2 เป็นเรื่องต่อเนื่อง มีคณะตลกตกอับ ตัดสินใจปล้นธนาคาร และเอาเงินไปกบดานที่อพาร์ตเมนต์ปิดตายแห่งหนึ่ง ซึ่งนั่นคือออสการ์ อพาร์ตเมนต์ของบุปผาราตรีนั่นเอง

หลังจบเฟส 2 บุปผาราตรีก็ออกมาอีกหลายภาค แต่ภาคที่ถือว่าเป็นที่สุด ที่คนยังคิดถึงจนทุกวันนี้ คือ ภาคแรก กับ ภาค 2 นั่นเอง

อันดับ 7 สี่แพร่ง รายได้ : 85 ล้านบาท

หลังจากประสบความสำเร็จกับหนังผีหลายๆเรื่อง GTH ปล่อย สี่แพร่ง ซึ่งเป็นเรื่องผี 4 เรื่อง ที่ไม่เชื่อมโยงกัน กำกับโดยผู้กำกับ 4 คน ซึ่งมีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เรื่องที่ 1 เป็นเรื่องสาวสวยเข้าเฝือก ไม่สามารถไปไหนได้ ได้แต่แชทลึกลับกับหนุ่มนิรนาม หารู้ไม่ว่า นั่นคือวิญญาณที่จะลากเธอไปอยู่ด้วย

เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของเด็กช่างกลที่ได้ยันต์สั่งตาย แค่สาบแช่งคนที่เกลียดขี้หน้า ก็จะทำให้อีกฝ่ายตายได้ง่ายๆ

เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของวัยรุ่น 4 คน ที่ไปตั้งเต๊นท์กลางป่าลึก และพยายามสืบหาว่า ใครคนหนึ่งในกลุ่มตายไปแล้วหรือยังแต่แค่กลายเป็นผี เพื่อมาอำเพื่อน

เรื่องที่ 4 เป็นเรื่องแอร์โฮสเตสสาว ที่ทำหน้าที่คนเดียวบนเครื่องบิน โดยต้องรับแขกวีไอพี เป็นเจ้าหญิงที่เธอไม่ชอบหน้า

ทั้ง 4 เรื่อง มีสไตล์ที่แตกต่างกันแบบคนละทิศคนละทาง ทำให้บางคนก็ชอบเรื่องหนึ่ง ไม่ชอบอีกเรื่องหนึ่ง ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในระดับที่ดี และได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมด้วย

อันดับ 6 ผีสามบาท รายได้ : 90 ล้านบาท

ผีสามบาท ชื่อภาษาอังกฤษว่า Bangkok Haunted เป็นหนึ่งเดียวจากค่ายอาร์เอส ที่ติดโผในลิสต์ 8 หนังผีที่น่ากลัวที่สุด เป็นภาพยนตร์ที่แบ่ง หนังออกเป็น 3 เรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละโทนกันอย่างชัดเจน แต่มารวมร่างในภาพยนตร์เรื่องเดียว ซึ่งทริกนี้ ใช้กับ สี่แพร่ง และ ห้าแพร่ง ในเวลาต่อมา

ผีสามบาท แบ่งเป็น 3 ตอน คือ 1) “ท่อนแขนของนางรำ” เป็นเรื่องสยองในอดีตที่มีชายอัปลักษณ์ ไปหลงรักนางรำผู้เลอโฉม แต่เมื่อเขาครอบครองเธอไม่ได้ จึงตัดแขนเธอเอาไปซ่อนในกลอง และลอกผิวหนังเอามาเป็นหนังกลอง

เรื่องที่ 2) คือ “น้ำมันพราย” สาวกรุงเทพขี้เหงา ได้ทดลองใช้น้ำมันพราย เพื่อทำให้คนที่เธอชอบตกหลุมรักเธอ แต่สุดท้าย เธอก็กลายเป็นเหยื่อของมันโดยไม่รู้ตัว และ 3) “จองเวร” นักสืบหนุ่มพบหญิงสาวเสียชีวิตปริศนา ทำให้เขาไล่ตามสืบประวัติของเธอ แต่ปรากฏว่ากลายเป็นนักสืบที่โดนผีหลอกใช้ไม่รู้ตัว

ผีสามบาท ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ได้เงินถึง 90 ล้านบาท จนราเชนทร์ ลิ้มตระกูลผู้อำนวยการสร้างมีแผนจะสร้างภาค 2 แต่สุดท้ายก็ไม่มีการสร้างเกิดขึ้น

อันดับ 5 ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ รายได้ : 107.1 ล้านบาท

สุดยอดหนังผีคลาสสิคอีกเรื่องของประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ในวงการบันเทิงของ “โต้ง” บรรจง ปิสัญธนะกูล โดยภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ก็ทำเงินได้ทะลุ 1 ร้อยล้านบาททันที โดยกำกับร่วมกับ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้กำกับเรื่องโฮมสเตย์ที่จะเข้าฉายปลายเดือนนี้

สำหรับพล็อตเรื่อง คือ ช่างภาพหนุ่ม กับ แฟนสาว ทั้งคู่ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ตัดสินใจขับหนี ซึ่งจากนั้นมา ทั้งคู่จึงเจอเหตุการณ์ประหลาดกับชีวิตมากมาย

เรื่องนี้ สร้างได้อย่างทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์อย่างรุนแรงในปี 2004 โดยเฉพาะทีเด็ดของหนัง เรื่องผีสาวขี่คอ โดนหนังเอาไปล้อเลียนหลายต่อหลายเรื่อง

จากนั้นมาด้วยความโด่งดังของชัตเตอร์ ทำให้ มีหลายๆชาตินำไปซื้อลิขสิทธิ์เพื่อเอาไปรีเมก ซึ่งถือว่าชัตเตอร์ เป็นหนังผีไทย ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากในสายตาของคอหนังทั่วโลก

อันดับ 4 ห้าแพร่ง รายได้ : 113 ล้านบาท

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างดี ใน สี่แพร่ง GTH เดินหน้าสร้าง ห้าแพร่งต่อ โดยใช้คอนเซ็ปต์เดิม คือเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน 5 เรื่องมามิกซ์รวมกัน (แต่จริงๆแล้วทุกเรื่องจะมีเกร็ดเล็กๆที่เชื่อมโยงกันได้)

เช่นเคยทั้ง 5 เรื่อง มีความกระจัดกระจายและคนละโทน มีทั้งตลกเฮฮา และตึงเครียดซีเรียส กดดัน โดยผู้กำกับ 5 คน ประกอบไปด้วย ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ , โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ,โอ๋-ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ, วิสูตร พูลวรลักษณ์ และ กอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา

แม้จะได้รายได้มากกว่า แต่ ห้าแพร่ง ได้รับเสียงวิจารณ์ที่เป็นรองสี่แพร่งอยู่พอสมควร โดยส่วนใหญ่จะบอกว่า แนวทางของหนังเดาได้ง่ายเกินไปหน่อย และไม่มีความแปลกใหม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ก็เหมือนในตอนที่ 5 เรื่อง “คนกอง” ที่กำกับโดย “โต้ง-บรรจง” นั่นแหละ ในเรื่องมีตัวละครพูดว่า ยุคสมัยนี้ ทำหนังผียาก เพราะคนดูจับทางได้หมดแล้ว

หลังจาก ห้าแพร่งมา GTH ก็ไม่ได้เดินทางไปต่อใน หกแพร่งแต่อย่างใด แต่หยุดไว้เพียงแค่นี้ และหนังผี ในเจเนเรชั่นต่อไปก็ไม่ได้เป็นการรวมเรื่องสั้นอีก

อันดับ 3 ลัดดาแลนด์ รายได้ : 117 ล้านบาท

เรื่องเล่าในตำนานของจังหวัดเชียงใหม่ มีเรื่องราวของลัดดาแลนด์ สถานที่ที่ถูกทิ้งร้าง จนมีข่าวลือว่ามีผีสิง โดยเรื่อง ลัดดาแลนด์ของ GTH ใช้ชื่อนั้น และโลเคชั่นของเรื่องเกิดที่เชียงใหม่เช่นกัน แต่ในหนังนั้น สถานที่ลัดดาแลนด์จริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องเลย

ลัดดาแลนด์ เป็นเรื่องของ ชายหัวหน้าครอบครัว ที่มีภรรยา และลูก 2 คน ก่อนหน้านี้เขามีฐานะปานกลาง จึงมีความฝันอยากจะมีเงินเยอะๆ เพื่อซื้อบ้านเป็นหลักเป็นฐานให้ครอบครัว จนเขาได้งานที่เงินเยอะที่เชียงใหม่ จึงตัดสินใจย้ายมา และซื้อบ้านที่นี่ แต่ก็โชคร้ายที่ดันมาเจอผีที่บ้านใหม่

ลัดดาแลนด์ เป็นหนังผีที่มีความน่ากลัวมากๆ แต่เหนือกว่าความน่ากลัว คือมันสะท้อนให้คนได้เห็นว่า เรื่องการเงิน ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ครอบครัวหลายๆครอบครัว พังพินาศได้ง่ายๆ ถ้าวางแผนทางการเงินไม่เป็น เรียกได้ว่าพ่อบ้านหลายคนดูเรื่องนี้ กลัวไม่มีเงิน มากกว่ากลัวผีด้วยซ้ำ

เรื่องนี้ นักแสดงนำหญิง ป็อก-ปิยธิดา ได้รางวัลสุพรรณหงส์ ขณะที่ ปันปัน-สุทัตตา ในบทลูกสาว ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์เช่นกัน ตำแหน่งนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม

ประโยคคลาสสิคที่คนยังหยิบมาใช้จนถึงวันนี้ ในเรื่องลัดดาแลนด์ คือฉากที่ก้อง-สหรัถ โดนไล่ออกตอนไปทำงานร้านสะดวกซื้อ โดยเขาโดนไล่ออก แต่ก้อง ไม่ยอมลาออก แล้วตะโกนกลับไปว่า “กูไม่ออก ออกไปแล้วกูจะเอาอะไรแดก!”

อันดับ 2 นางนาก รายได้ : 149.6 ล้านบาท

นางนาก คือหนังไทยเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทำเงินได้ทะลุ 100 ล้านบาท ผู้กำกับคือ “อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร” ในยุคนั้นที่การทำหนังถึง 100 ล้าน เป็นเรื่องยากมาก นี่ถือเป็นภาพยนตร์ที่เป็นมิติใหม่ของวงการ

โดยเนื้อเรื่องก็มาจากตำนานแม่นาคพระโขนง พี่นางนาก แสดงโดย “ทราย” อินทรา เจริญปุระ และ “มาก” แสดงโดยวินัย ไกรบุตร ตัวหนังอาจจะไม่ยาวมาก เพียงแค่ 100 นาทีจบ แต่เป็น 100 นาที ที่เต็มไปด้วยคุณภาพ และทำให้ผู้คนในยุคนั้นหวาดกลัว ถึงขั้นหลอนกันเลย

เรื่องนี้เปิดตัวในปี 2542 หรือปี ค.ศ.1999 และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ปลุกกระแสหนังไทย ให้กลับมาอยู่ในความสนใจของผู้คนอีกครั้ง

ขณะที่ความงดงามของตัวหนัง ก็ถูกยกย่องว่าเป็น แม่นาคพระโขนงเวอร์ชั่นที่เฉียบขาดที่สุด สมจริงที่สุด และไม่แปลกที่ในปี พ.ศ.2542 นั้นเอง จะได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ตามความคาดหมาย

อันดับ 1 พี่มาก…พระโขนง รายได้ 559.59 ล้านบาท

รายได้ที่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการจากกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ อยู่ที่ 559.59 ล้านบาท แต่ถ้านับการขายสายหนังทั่วประเทศแล้ว เรื่องนี้ ทะลุ 1 พันล้านบาทแน่นอน

พี่มาก…พระโขนง เป็นหนังผี ที่รวบรวมสิ่งที่คนไทยชอบทุกอย่าง ทั้งเรื่องผี และความตลกโปกฮา ผสมปนเปได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากนั้น ยังฉีกมุมมองใหม่ๆ คือมองในมุมของพี่มากแทน

ขณะที่คู่พระคู่นาง ก็ฉีกกฎเกณฑ์ของแม่นาคดั้งเดิมหมดสิ้น จากเดิม เป็นหนุ่มสาวไทย หน้าคมๆ ก็มาเลือกลูกครึ่งอย่างมาริโอ เมาเร่อ กับ ดาวิกา โฮร์เน่ แทน

พี่มาก…พระโขนง ใช้งบประมาณการสร้างสูงถึง 65 ล้านบาท แต่ผลกำไรที่ตอบรับกลับมาก็คุ้มค่ามากเช่นกัน และยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของประเทศไทยจนถึงวันนี้

ติดตามข่าวที่น่าสนใจได้ที่ workpointnews.com

Facebook / facebook.com/WorkpointNews/

Instagram / instagram.com/workpointnews/

Twitter / twitter.com/WorkpointShorts