SHARE

คัดลอกแล้ว

กระทรวงสาธารณสุข รายงานการระบาดโควิด-19 ในไทยมีสถานการณ์ดีขึ้น แนะ ขอประชาชนอย่าเพิ่งวางใจ ให้ทำตามมาตรการเคร่งครัด พร้อมเปิดคู่สายปรึกษาสุขภาพจิตเพิ่มสำหรับบุคคลทั่วไปและบุคลากรการแพทย์ หวั่นเผชิญภาวะหมดไฟ 

วันที่ 22 เม.ย.2563 นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ของไทย มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น จากจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่มน้อยกว่า 20 รายเป็นวันที่ 2 โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ 10 คนติดเชื้อจากการสัมผัสเชื้อผู้ป่วยรายเก่า สาวนที่เหลือเดินทางกลับจากต่างประเทศ ไปสถานที่ชุมนุม และประกอบอาชีพเสี่ยง ขณะเดียวกันวันนี้ไม่มีรายงานบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่ม สำหรับจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อใน 14 วันที่ผ่านมา ยังคงอยู่ที่ 36 ราย โดยข้อมูลจากการสอบสวนโรคพบว่า สถานที่เสี่ยง สถานที่พบผู้ป่วยส่วนใหญ่ คือ สถานบันเทิง สนามมวย บ่อนการพนัน โรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส วัด ร้านเสริมสวย มหาวิทยาลัย ร้านอาหาร ย่านท่องเที่ยว ตลาด ห้างสรรพสินค้า ขนส่งสาธารณะ สถานที่ทำงาน สถานพยาบาล มัสยิด ซุ่งจากสถานการณ์การติดเชื้อในไทยจะดีขึ้นแล้ว แต่กระทรวงสาธารณสุขขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดไปอีกสักระยะ งดการเดินทางที่ไม่จำเป็น งดการรวมกลุ่ม งดการสังสรรค์ สวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง 2 เมตร

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากผลกระทบจากสถานการณ์ในแต่ละช่วง เปรียบเทียบกับคลื่นทั้ง 4 ลูก โดย คลื่นลูกแรกคือการสูญเสียจากการระบาดของโควิดในช่วงแรก คลื่นลูกที่สองจะเป็นผลกระทบตามมาจากการขาดแคลนทรัพยากร ความช่วยเหลือเพียงพอ คลื่นลูกที่สามจะเป็นผลกระทบต่อการดูแลผู้ที่มีความเปราะบางในสังคมและกลุ่มโรคเรื้อรัง ส่วนคลื่นลูกสุดท้ายหรือลูกที่สี่ ความสูญเสียมากและมีระยะได้รับผลกระทบที่ยาวนาน ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ ปัญหาด้านสุขภาพจิต ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และภาวะหมดไฟ โดย ส่งผลต่อประชากรทั้ง4 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ติดเชื้อผู้ถูกกักกัน กลุ่มผู้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มประชาชน โดยการดูแลประชาชนนั้น ได้ใช้สายด่วนสุขภาพจิต 1323 เป็นหลัก ซึ่งในเดือนมีนาคม มีผู้โทรมาปรึกษาความเครียดจากโควิดมากขึ้นเป็น 600 ราย และในช่วงกลางเดือนเมษายน พบว่ามี 315 ราย คาดการณ์ว่าสิ้นเดือนนี้จะมีคนมาปรึกษาไม่ต่ำกว่า 630 ราย กว่าครึ่งเป็นการปรึกษาความเครียดวิตกกังวล และเป็นผู้ป่วยจิตเวชเดิมประมาณร้อยละ 38 มีการเพิ่มคู่สายสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ไปแล้วเป็นสองเท่า จาก 10 คู่สายเป็น 20 คู่สาย และเปิดสายด่วนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อดูแลจิตใจบุคลากร ถึง 41 เลขหมาย รวมถึงการส่งต่อทีม MCATT ในพื้นที่
กรมสุขภาพจิตได้พัฒนาแนวทางเพื่อให้บุคลากรในพื้นที่สามารถทำงาน เน้นการแนะนำสถานพยาบาลในการช่วยเหลือบุคลากรตามหลัก 4 สร้าง 2 ใช้ คือ ต้องสร้างให้บุคลากรรู้สึกปลอดภัย สร้างความสงบ สร้างความหวัง สร้างความเข้าใจและเห็นใจ ใช้ศักยภาพขององค์กรให้เต็มที่ และใช้สายสัมพันธ์สร้างความเข้มแข็งให้บุคลากร ในขณะเดียวกันสำหรับประชาชน ก็ใช้หลักการณ์คล้ายคลึงกัน นั่นคือ สร้างความปลอดภัยให้ตนเองครอบครัวและชุมชน สร้างความสงบทำจิตให้สงบไม่รับฟังข่าวลวงข่าวปลอม สร้างความหวังไม่ย่อท้อในการต่อสู้กับโรคโควิดและแก้ปัญหาโดยใช้สติ สร้างความเห็นใจไม่รังเกียจ พยายามทำความเข้าใจช่วยกันรับมือ ใช้พลังของตัวเองให้เต็มศักยภาพมากที่สุดในการป้องกันโรค ใช้สายสัมพันธ์สร้างความแข็งแกร่งแบ่งปันพลังจากตัวเราออกไปสู่คนรอบข้างและชุมชน

กรมสุขภาพจิตยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคประชาชน ได้แก่ การจัด event ออนไลน์ด้านสุขภาพจิตแรก ความยาว 8 ชั่วโมง ผ่านทางช่องทางต่างทั้งเพจกรมสุขภาพจิต เพจข่าวสด และอื่นๆ มีทั้งเนื้อหาสาระความรู้ การลงพื้นที่ไปดูการทำงานของ อสม และ รพสต สลับกับดนตรีและบันเทิง และการกุศลเพื่อช่วยเหลือฮีโร่ด่านหน้า โดยจะทำการถ่ายทอดในวันเสาร์ที่ 25 เมษายนนี้ เวลา 10.00 – 18.00 และความร่วมมือกับบริษัทโรซ่า และเดอะวอยซ์ จัด event “เดอะ ดูเอท ใจไม่ป่วย ความสูขสร้างได้” ทุกสัปดาห์ผ่านทางเพจของเดอะวอยซ์และกรมสุขภาพจิต และ สสส และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จัดทำเพจบ้านพลังใจ และรายการโทรทัศน์ บ้านพลังใจ ทุกวันเสาร์ เวลา 21.10 -22.00 ทางช่องไทยพีบีเอส ขอให้ประชาชนติดตามความรู้และความบันเทิงดีดีจากกรมสุขภาพจิตถึงประชาชน
สุดท้ายขอฝากถึงบุคลากรด่านหน้าทุกคน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ รพ.สต. และพี่น้องอสม./อสส.ทุกท่าน ที่กำลังทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย ขอให้มีสุขภาพกายที่แข็งแรง มีพลังใจที่เข้มแข็ง อยู่เคียงข้างเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนของเราต่อไป “ท่านคือคนด่านหน้า ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้สำหรับคนข้างหลัง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าว

ขณะที่นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงปัญหาความเครียด วิตกกังวล จากผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประชาชนในขณะนี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทั่วโลก และเมื่อเทียบกันแล้วความรุนแรงของผลกระทบที่ประเทศไทยได้รับยังนับว่าน้อยกว่าอีกหลายๆประเทศมาก ดังที่ปรากฏแล้วว่าอัตราการติดเชื้อรายใหม่ของเราลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป จึงทำให้เกิดภาพการขอกลับประเทศของคนไทยในต่างแดนก็มีจำนวนมาก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีจนเป็นที่ยอมรับ เพราะประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้าน เช่น ประเทศเรามีระบบการควบคุมโรคที่ดีในระดับแนวหน้าของโลก, มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากว่า 40 ปี และประเทศเรามีจิตอาสาที่ประเทศอื่นไม่มีที่พร้อมดูแลช่วยเหลือกันและกันในสถานการณ์ที่ยากลำบาก รวมทั้งมีระบบการเกษตร และธรรมชาติที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานได้

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สถานการณ์นี้ขอเพียงให้คนไทยดึงพลังอึดฮึดสู้ที่มีอยู่ในตัวเองของทุกคนออกมาใช้ก็จะสามารถก้าวผ่านวิกฤติ โควิด-19 ไปได้ แต่หากใครรู้สึกพลังหมด เครียดไปต่อไม่ไหว และมีสัญญาณที่บ่งบอก 3 ด้าน คือ ด้านร่างกาย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ตื่นเต้นตกใจง่าย ปวดศีรษะ ความดันสูง ด้านอารมณ์ หงุดหงิดง่าย มีความเครียด รู้สึกโกรธ ฉุนเฉียว ท้อแท้ ซึมเศร้า ด้านพฤติกรรมมี ความสัมพันธ์กับครอบครัวและคนรอบข้างลดน้อยลง มีความก้าวร้าวมากขึ้น อดทนต่อสิ่งกระตุ้นได้น้อยลง ขออย่าเก็บไว้คนเดียวให้หา คนปรึกษา หรือใช้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 มีทั้งหมดคู่สายเป็น 20 คู่สาย

นอกจากนี้ยังเปิดสายด่วนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อดูแลจิตใจบุคลากร 41 หมายเลข โดยข้อมูลพบว่าเดือนมีนาคมมีผู้โทรมาปรึกษาความเครียดมากขึ้นเป็น 600 ราย และกลางเดือนเมษายน มี 315 ราย คาดว่าสิ้นเดือนเมษายนจะมีผู้โทรปรึกษาไม่ต่ำกว่า 630 ราย นอกจากนี้ กรมสุขภาพจิต เปิดแอพพลเคชั่น Mental Health Checkup เพื่อให้ประชาชนสามารถประเมินความเครียดและสุขภาพจิตของตนเอง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า