นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก แนะลงทุนใน 9 หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังการเลือกตั้ง พร้อมกับเตือนหุ้นไทยเดือน พ.ค. ‘พักฐาน’ กรอบ 1,500-1,560 จุด
‘วิลาสินี บุญมาสูงทรง’ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. 2566 แนวโน้มพักฐานต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจไทยในเดือน มี.ค.ส่อแววชะลอตัวตามการส่งออก
สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่อ่อนแอ ทั้งดัชนีภาคการผลิตสหรัฐและจีนที่ชะลอตัว รวมถึงการที่ประเทศฝรั่งเศสถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจาก AA สู่ AA- จากปัญหาขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้สูง
ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า อาจไม่มีเงินเพียงพอชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลอย่างเร็วที่สุดในเดือน มิ.ย.นี้ หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ส่งผลให้ประธานาธิบดีไบเดนเรียกประชุมผู้นำสภาฯ ด่วนในวันที่ 9 พ.ค.
ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงจากความกังวลว่าสหรัฐเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ กังวลวิกฤติภาคธนาคารสหรัฐ และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มแผ่วลง กดดันให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงคาดการณ์กรอบดัชนีที่ระดับ 1,500-1,560 จุด
ขณะที่ปัจจัยในประเทศอยู่ในโทนลบ หลังสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 ผู้ประกอบการ SME จำนวน 53.4% ยังคงมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นจาก 44.7% ในช่วงไตรมาส 4 ปีก่อน
ทั้งนี้ สัดส่วนที่ผิดชำระหนี้สูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ขณะที่สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ เปิดเผยว่า มูลค่าส่งออกในช่วงไตรมาสแรกติดลบ 4.5% และปรับลดเป้าการเติบโตของยอดส่งออกทั้งปีเหลือ 0-1% บ่งชี้ว่าการส่งออกปีนี้แทบจะไม่ขยายตัวจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ
- วันที่ 11 พ.ค. ดัชนีหุ้นโลก MSCI จะประกาศรายชื่อหุ้นที่ถูกปรับเข้าออก (Rebalance)
- วันที่ 14 พ.ค. วันเลือกตั้ง
- วันที่ 15 พ.ค. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลง GDP ไตรมาส 1 ปี 2566 และเป็นวันสุดท้ายที่กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนส่งงบการเงินรายไตรมาสแรกปี 2566
- วันที่ 23 พ.ค. ประชุมกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์)
- วันที่ 31 พ.ค. กำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3 ปีนี้ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตาในวันที่ 9 พ.ค. เป็นวันที่ประธานาธิบดีสหรัฐเรียกประชุมสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเพื่อเลี่ยงผิดชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก่อนถึงเส้นตายภายในวันที่ 1 มิ.ย.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์หลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ค้าปลีก และนิคมอุตสาหกรรม เช่น PYLON, SEAFCO, STEC, CK, CPALL, MAKRO, BJC, WHA และ AMATA
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ ‘ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์’ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมราคาทองคำในเดือนนี้ ตลาดจับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC)
ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% โดยตลาดคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ การสิ้นสุดภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นแรงหนุนต่อทองคำ
โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีมีโอกาสจะหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 3.33% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์อาจหลุดแนวรับระดับ 101.00 มองเป็นแรงหนุนกับทองคำ
‘ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำอาจยังทรงตัวระดับสูงต่อไป เนื่องจากแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐส่วนใหญ่อาจออกมาต่ำคาด ขณะที่ใกล้สิ้นสุดการปรับขึ้นดอกเบี้ย’
ทั้งสองปัจจัยข้างต้นเป็นแรงหนุนกับราคาทองคำในเดือนพฤษภาคม หากระหว่างเดือนย่อตัวไม่หลุดแนวรับ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำทยอยเข้าซื้อสะสม