น้ำท่วมใต้กระทบโรงเรียน 68 แห่ง ผู้ว่าฯนราธิวาสเรียกประชุม 13 อำเภอเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดนราธิวาสยังไม่คลี่คลาย หลังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่น้ำท่วมบางจุดยมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และบางหลังน้ำท่วมสูงเกือบมิดหลังคาบ้าน ขณะที่แขวงการทางเร่งปิดทางให้รถยนต์สัญจรผ่านทาง

วันที่ 4 ธ.ค.2562 ชาวบ้านในเขตเมืองนราธิวาส ยังประสบน้ำท่วมชุมชน หลังน้ำจากอำเภอระแงะ และน้ำจากลำคลองสายต่างๆ ซึ่งรองรับน้ำจากภูเขา เข้าท่วมบ้านเมื่อวานนี้ บางหลังระดับน้ำท่วมสูงเกือบมิดหลังคาบ้าน ทำให้ทรัพย์สินที่ขนหนีน้ำไม่ทันจมอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่ชลประทาน 17 ระดมเครื่องสูบน้ำ สูบน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ และชุมชนที่ถูกน้ำท่วม เพื่อระบายลงคลองออกสู่ทะเล เพราะกังวลว่าฝนที่ตกลงมาต่อเนื่อง และมวลน้ำจากพื้นที่อื่นๆไหลมาสมทบ อาจทำให้น้ำท่วมในเขตเมืองเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ชาวชุมชนริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งน้ำท่วมชุมชนเมื่อหลายวันก่อน ยังประสบน้ำท่วมต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก ยังมีระดับล้นตลิ่ง และมีท่าทีเพิ่มสูงขึ้นจากฝนตกติดต่อกัน การสัญจรในบางจุดจำเป็นต้องใช้เรือ

แขวงทางหลวงนราธิวาสเจาะสลายก้อนหินขาดใหญ่ที่ทับเส้นทางจราจร

ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้ดินเนินภูเขาชุ่มน้ำและเกิดการทรุดตัว ก้อนหินขนาดใหญ่และดินสไลด์ลงมาบนถนนปิดทับเส้นทางการจราจร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นพื้นที่ แต่ได้เปิดให้รถของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวสามารถสัญจรได้ในเส้นทางเบี่ยง และปิดการจราจรชั่วคราว โดยนายคมกริช ตันตรัตนพงษ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนราธิวาส สั่งการให้นำกำลังเร่งแก้ไขสร้างทางเบี่ยงใช้หินกากยางมะตอยเพื่อเปิดเส้นทางชั่วคราวให้กับชาวบ้านสัญจรไป-มา จึงให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการสลายก้อนหินขนาดใหญ่ จากเหตุการณ์ดินและหินสไลด์ ปิดช่องจราจร จนไม่สามารถใช้การได้ ในเส้นทางแยกยาโง๊ะ- สนามบินบ้านทอน  ถนนสาย 4066 ยะลา-นราธิวาส  ซึ่งได้กำหนดการแก้ไขปัญหาโดยใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เจาะนำหินที่ตกลงมาขวางทาง  ที่จะต้องมีการนำก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1,000 ตัน ออกก่อน  และทำให้พื้นที่ด้านข้างและด้านล่างริมถนนมีความปลอดภัย ซึ่งจะต้องใช้เวลาดำเนินการเนื่องจากก้อนหินมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากต้องย่อยหินให้เล็กลงก่อน จึงจะสามารถเคลียร์พื้นที่บริเวณนี้ได้ และขอฝากเตือนให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวัง ซึ่งถ้าไม่มีความจำเป็นขอให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นชั่วคราว

ด้านนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เรียนประชุม Conference 13 อำเภอ เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัย จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายธรรมรงค์ คงวัดใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายไพศาล ขุนศรี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส โครงการชลประทานนราธิวาส นายอำเภอและผู้แทนทุกอำเภอ เข้าร่วมการประชุม

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้มีจังหวัดนราธิวาสเพียงจังหวัดเดียวที่ประสบอุทกภัย โดยต้องมีการติดตามสถานการณ์ทุกวันจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยยังไม่มีรายงานข้อมูลผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุทกภัย ขอเน้นย้ำให้มีการดูแลเรื่องไฟฟ้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายแก่ประชาชนโดยแจ้งให้ประชาชนทราบก่อน นอกจากนี้ต้องดูแลเด็กที่มักจะเล่นน้ำเพราะมีความเสี่ยงเนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยว ขอให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก และขอให้นายอำเภอทุกอำเภอเตรียมโครงการด้านการป้องกันและฟื้นฟูหลังน้ำลดด้วย โดยคาดว่าระดับน้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติในช่วง 5 – 7 วันหลังจากนี้

ด้านนายมณี อุทรักษ์ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส กล่าวว่า สภาพอากาศในพื้นที่ จากการตรวจวัดปริมาณน้ำฝน  มีฝนตกกระจายทุกพื้นที่ ยกเว้นอำเภอตากใบ ปริมาณน้ำฝนอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่มีอำเภอใดที่มีฝนตกหนัก โดยสถานการณ์ปัจจุบันลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ซึ่งจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 – 4 เมตร ในช่วงระหว่างวันที่ 3 – 7 ธันวาคมนี้ จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง

จากการรายงานข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการร่วมอำเภอทั้ง 13 อำเภอ ในภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำในพื้นที่เริ่มลดลง ยกเว้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก ปริมาณน้ำยังทรงตัวและลดลงอย่างช้าๆ โดยทางอำเภอต่างๆ มีการให้ความช่วยเหลือ อาทิ ถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค อาหารสัตว์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องความเสียหายจากถนนที่โดนน้ำซัดหรือทรุดตัว ซึ่งได้มีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อแก้ไขแล้ว ในส่วนของสถานศึกษาในจังหวัดนราธิวาส ทางศึกษาธิการจังหวัดให้โรงเรียนในสังกัดรายงานสถานการณ์อุทกภัย โดยมีสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 68 แห่ง วันนี้สามารถเปิดเรียนได้แล้ว 22 แห่ง ซึ่งได้ให้มีการรายงานสถานการณ์ผลกระทบ ความเสียหาย พร้อมเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง