ขีดเส้น 1 ปี เลิกผลิตพลาสติกหุ้มฝาขวด หวังลดขยะ 520 ตัน

ประเด็นคือ – กรมควบคุมมลพิษ ประกาศยกเลิกการใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม (cap seal) เริ่มวันที่ 1 เม.ย. นี้ ตั้งเป้าลดปริมาณขยะพลาสติก 2,600 ล้านชิ้น และจะทำให้หมดไปภายในปี 2562

วันที่ 16 ก.พ. 2561 กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมกับภาคเอกชนผู้ผลิตน้ำดื่มรายใหญ่ 5 ราย ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การเลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ตั้งเป้าภายใน 1 ปี ประเทศไทยจะปราศจากพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มทุกประเภท เพื่อลดปริมาณขยะ

นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า พลาสติกหุ้มฝาขวด ผลิตจากพลาสติกพีวีซีที่มีขนาดชิ้นเล็ก น้ำหนักเบา ง่ายต่อการถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน บางส่วนไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง และท้องทะเล ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และจากข้อมูลการผ่าซากสัตว์ทะเลที่ตายพบว่าส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการกินพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มซึ่งรวมอยู่กับพลาสติกอื่นๆ ทำให้หลายๆ ประเทศ ยกเลิกการใช้แคปซิล เช่น สิงคโปร์ เกาหลี อิตาลี และอังกฤษ

“ปัจจุบันประเทศไทยผลิตน้ำดื่มปีละ 7,000 ล้านขวด ใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มมากถึงปีละ 2,600 ล้านชิ้น ความยาว 2.6 แสนกิโลเมตร หรือคิดเป็นความยาวรอบโลก 6.5 รอบ หากประเทศไทยเลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดสำเร็จจะช่วยลดปริมาณขยะถึงปีละ 520 ตัน”

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยัน การใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มไม่ได้เป็นข้อบังคับตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท แต่ผู้ผลิตต้องขออนุญาตผลิต รับเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ และแสดงฉลากให้ถูกต้อง โดยน้ำดื่มที่สะอาดต้องเป็นน้ำที่ผ่านมาตรฐาน และโดยทั่วไปน้ำดื่มบรรจุขวดจะมีวงแหวนเล็กๆ ด้านล่างฝาติดผนึกอยู่กับฝาขวด หากยังไม่เปิดขวดวงแหวนนั้นจะไม่ขาดจากกัน

ขอบคุณภาพและข้อมูล : กรมควบคุมมลพิษ และ สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม