‘พระร่วง เดอะมิวสิคัล’ การรักษาสัจจะ นำมาซึ่งปาฏิหาริย์แห่งวาจาสิทธิ์

• ปาฏิหาริย์บนพื้นฐานของความจริง
• ใช้ปัญญาเเก้ปัญหาให้บ้านเมือง
• พระร่วง พูดอะไรจะเป็นจริงเสมอ จนเป็นที่เลื่องลือว่า มีวาจาสิทธิ์
• การตีความคำว่า “วาจาสิทธิ์” ได้อย่างน่าสนใจ

พระร่วง เป็นตำนานเก่าแก่ที่ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทละคร และมีการจัดแสดงขึ้น โดยพระองค์ทรงรับบท “นายมั่น ปืนยาว” อีกด้วย

พระร่วง เป็นตำนานเล่าขานที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเรื่อง วาจาสิทธิ์ ที่พูดอะไรก็จะเป็นไปตามนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ การนำบทพระราชนิพนธ์นี้มาถ่ายทอดในรูปแบบละครเพลงในสมัยปัจจุบัน จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่ง แต่ทีมผู้สร้าง พระร่วง เดอะมิวสิคัล ก็มีมุมมองและการนำเสนอที่น่าสนใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า “ปาฏิหาริย์บนพื้นฐานของความจริง”

โดยเหตุการณ์ในท้องเรื่องเป็นช่วงที่ อาณาจักรขอม กำลังเรืองอำนาจ และ พระร่วง หรือ พ่อร่วง (จรณ โสรัตน์) เพิ่งขึ้นเป็นพ่อเมืองละโว้ หลังจากพ่อเมืองคนเก่าเสียชีวิต โดยมี นางจันทน์ (ปนัดดา เรืองวุฒิ) ผู้เป็นแม่คอยเป็นที่ปรึกษา ซึ่งพ่อร่วงได้รับความรักและศรัทธาจากชาวเมืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากการประพฤติตนอย่างน่าเลื่อมใส มีสัจจะวาจา พูดคำไหนเป็นคำนั้น จนต่อมาเป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวเมืองว่า เป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ เพราะสิ่งที่พูดจะเป็นจริงเสมอ

และตามราชประเพณี ละโว้ในฐานะเมืองเล็กๆ ต้องส่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องบรรณาการให้กับขอมทุกๆ ปี แต่ในช่วงนั้นเมืองละโว้เกิดภัยแล้ง อย่าว่าแต่จะนำน้ำส่งมอบให้ขอมเลย แม้จะใช้สอยในเมืองก็ยังไม่เพียงพอ แต่ด้วยปัญญาของพ่อร่วง ทำให้น้ำท่าในเมืองกลับบริบูรณ์ และมีเพียงพอที่จะส่งมอบให้กับขอม

และด้วยชื่อเสียงในด้านเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ ทำให้ ท้าวพันธุมสุริยวงศ์ (ยศภูมิ ดำรงศ์เดชากูล) กษัตริย์แห่งขอมหวั่นเกรงว่า พ่อร่วงจะตั้งตนเป็นผู้วิเศษ อาจเป็นภัยในภายภาคหน้า จึงคิดหาเรื่องยกทัพมาตีเมืองละโว้

ซึ่งในการทำศึกทุกยุคทุกสมัย การที่เมืองใหญ่หมั่นไส้เมืองเล็ก แล้วจู่ๆ ก็ยกทัพมารุกราน ถือว่าเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติ เป็นการกระทำเยี่ยงอันธพาล ถึงจะได้รับชัยชนะแต่ก็ไม่สง่างาม อีกทั้งยังเป็นที่ติฉินนินทา ฉะนั้นจึงต้องมีการสร้างเหตุปัจจัยก่อน แม้แต่ในสมัยปัจจุบันก็ยังเป็นตามนั้น อย่างการที่ประเทศใหญ่ๆ จะเปิดศึกกับประเทศที่เล็กกว่า ก็ต้องมีข้ออ้างที่เหมาะสม เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายตน

ดังนั้นทางฝ่ายขอมจึงส่งภาชนะบรรจุน้ำและเกวียน 10 เล่ม ไปยังเมืองละโว้ โดยมีเงื่อนไขว่า ทางละโว้จะต้องส่งน้ำให้ได้จำนวน 20 เล่มเกวียน ตามที่เคยส่งมา

สรุปก็คือ ละโว้ต้องบรรจุน้ำจำนวนเท่ากับ 20 เล่มเกวียน ใส่ในเกวียน 10 เล่ม แล้วขนไปยังขอม ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยน้ำหนักของน้ำและภาชนะ (ดินเผา) ที่มากขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้เกวียนแต่เล่มต้องหักพังอย่างแน่นอน

ตามตำนานที่เล่าขาน พ่อร่วงได้แสดงปาฏิหาริย์แห่งวาจาสิทธิ์ทำให้ กระออม หรือ ชะลอม ที่สานจากไม้ไผ่ ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าภาชนะดินเผาเป็นอย่างมาก สามารถบรรจุน้ำได้อย่างไม่รั่วซึม แต่ใน พระร่วง เดอะมิวสิคัล ได้นำเสนอเรื่องราวในตอนนี้อย่างเป็นเหตุเป็นผล เพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ปาฏิหาริย์บนพื้นฐานของความจริง ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้

และในที่สุดพ่อร่วงก็สามารถบรรจุน้ำใส่กระออม ซึ่งมีจำนวนเท่ากับน้ำ 20 เล่มเกวียน ใส่ในเกวียน 10 เล่มได้อย่างสบายๆ ตามโจทย์มหาหินของขอม แต่กลับทำให้ท้าวพันธุมสุริยวงศ์พิโรธยิ่งขึ้นไปอีก จึงสั่งให้ พญาเดโช (อาณัตพล ศิริชุมแสง) ยกทัพบุกละโว้ อย่างไม่ทรงสนความชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้นอีกแล้ว

พระร่วง เดอะมิวสิคัล จากที่ผู้เขียนได้ชมในรอบพรีวิว การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างสนุกสนานและน่าติดตาม บทเพลงไพเราะสมศักดิ์ศรีละครเวทีไทย นักแสดงหลายคนตีโจทย์บทของตนได้อย่างมีชั้นเชิง โดยเฉพาะ พญาเดโช ที่รับบทโดย อาณัตพล ศิริชุมแสง หรือ อาร์ เดอะสตาร์ ซึ่งถือว่าเป็นบทมหาหิน เพราะมีความขัดแย้งในตัวเองค่อนข้างสูง ต้องทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง แต่ลึกๆ ก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำให้มีบุคลิกออกแนวเก็บกดและสับสน

ซึ่งด้วยเงื่อนไขของละครเวทีที่ผู้ชมส่วนใหญ่แทบจะไม่เห็นสีหน้าของนักแสดง จึงจำเป็นต้องเล่นใหญ่ ผ่านภาษากายเป็นหลัก เพื่อสื่อถึงอารมณ์นั้นๆ ให้กับผู้ชมสัมผัสได้อย่างชัดเจน แต่บทของพญาเดโชจะโฉ่งฉ่างมากก็ไม่ได้ ถ้านิ่งหรือหรือล้ำลึกเกิน คนดูก็จะเข้าไม่ถึง แต่อาร์ก็สามารถถ่ายทอดออกมาในระดับกำลังดีอย่างมีมิติ ทั้งในบทพูดและบทร้อง

ส่วนท้าวพันธุมสุริยวงศ์ ที่รับบทโดย ยศภูมิ ดำรงศ์เดชากูล ก็แสดงได้อย่างทรงพลังน่าเกรงขาม บวกกับองค์ประกอบต่างๆ เมื่อท้าวพันธุมสุริยวงศ์ปรากฏกาย ทั้งฉาก แสงสี ดนตรี จึงทำให้รู้สึกได้ถึงอำนาจบารมี มีรังสีอำมหิตที่น่ายำเกรง

และนักทั้งสาม คือ นักคุ้ม (พชรพล จั่นเที่ยง) , นักแก้ว (วิวิศน์ บวรกีรติขจร) และนักสุวรรณ (วรชน แก้วจินดา) ก็เล่นเข้าขากันอย่างลื่นไหล ส่วนที่โดดเด่นมากๆ ก็คือ กรกันต์ สุทธิโกเศศ ที่รับบทนายมั่น ปืนยาว ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราว ก็แสดงได้อย่างแพรวพราว อีกทั้งยังมีลูกล่อลูกชนและลูกฮา จึงเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้เป็นระยะ

โดยสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ ก็คือการตีความคำว่า วาจาสิทธิ์ ของผู้เขียนบท ผ่านซีนที่พ่อร่วงขณะบวชเป็นพระภิกษุ ได้กล่าวกับพญาเดโชประมาณว่า สาเหตุที่ตนพูดแล้วสิ่งนั้นเป็นจริงเสมอ ก็เนื่องมาจากหากพูดอะไรออกไป ก็จะทำให้ได้ตามนั้น หรือพยายามทำให้สำเร็จและเป็นจริงขึ้นมา ตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้

การรักษาสัจจะของพ่อร่วง จึงมีความหมายทั้งการรักษาคำพูด พูดคำไหนคำนั้น และยังรวมถึงเมื่อพูดอะไรออกไปแล้ว ก็ต้องทำให้ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ จนกลายเป็นปาฏิหาริย์แห่งวาจาสิทธิ์ ที่เป็นตำนานเล่าขานมาตราบจนถึงทุกวันนี้

พระร่วง เดอะมิวสิคัล อำนวยการสร้าง : อนาวิล วิภาสวัสดิ์ , กำกับการแสดง : นภาดล กำปั่นทอง , ปรุงบทละคร ประพันธ์คำร้อง : นภาดล กำปั่นทอง และ ศุภวัฒน์ หงษา ฯลฯ เปิดทำการแสดงที่ เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. – 4 มี.ค. 61 บัตรมีจำหน่ายที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. 02-2623-456 หรือซื้อออนไลน์ที่ bit.ly/PhraruangTheMusical