SHARE

คัดลอกแล้ว

(ที่เกิดเหตุ วันที่ 5 ก.พ. 2561)

ประเด็นคือ – มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ ครบรอบ 1 เดือนคดีเสือดำ และสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร “ศศิน” จี้ ข้อหาเจตนาล่า – ฆ่า ต้องไม่หลุดจากสำนวน หากบิดจะเสนอขอเปลี่ยนตัว ตำรวจรับผิดชอบคดี เตรียมเข้าพบ ผบ.ตร.ขอความมั่นใจ

วันนี้ (5 มี.ค.2561 ) มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ ทวงถามความคืบหน้าคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร” เปิดเวทีสาธารณะ 1 เดือน ความคืบหน้าคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ 61 โดยระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 3 คน ในพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองพร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน และปลอกกระสุนปืนนั้น จนวันนี้ผ่านมาครบระยะ 1 เดือนแล้ว แต่การสอบสวนเพื่อการดำเนินคดีต่อนายเปรมชัยกับพวกกลับดำเนินไปอย่างล่าช้าในสายตาของสาธารณชน

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จึงขอแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้

  1. เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี พบข้อเท็จจริงว่า นายเปรมชัยกับพวกลักลอบนำอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ในรถก่อนขอ อนุญาตเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่จะลักลอบเข้าไปตั้งแคมป์ในเส้นทางและบริเวณพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปซึ่งเป็นบริเวณที่สงวนไว้สำหรับการอยู่อาศัยและหากินของสัตว์ป่าตามธรรมชาติอีก แสดงให้เห็นว่า นายเปรมชัยกับพวกมีเจตนาเข้าไปภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อล่าสัตว์ป่า ตั้งแต่แรกแล้วมิได้มีเจตนาเข้าไปเพียง เพื่อการพักผ่อน อย่างที่กล่าวอ้าง ประกอบกับเสียงปืนที่ดังมาจาก บริเวณที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปจึงมีเพียงกลุ่มของนายเปรมชัยกับพวกเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เข้ามา พร้อมกับอาวุธปืน เครื่องกระสุน และปลอกกระสุน รวมถึงซากสัตว์ป่า และร่องรอยกระสุน บนซากสัตว์ป่า เศษซากกระดูกสัตว์ป่าที่พบในลำห้วย รวมถึงการประกอบอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ป่า ที่ตรวจพบในบริเวณที่ตั้งแคมป์ล้วนเป็นพยานวัตถุสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ที่ชัดเจนยิ่งว่า นายเปรมชัยกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดสำเร็จฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้วนอกเหนือจากความผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง และฐานซ่อนเร้น และความผิดประกอบอื่นๆ
  2. จากพฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานที่ปรากฎทำให้เห็นได้ชัดว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีที่ซับซ้อนจึงขอเร่งรัดให้ฝ่ายที่ดูแล และรับผิดชอบการดำเนินคดี โดยเฉพาะตำรวจ เร่งรัดดำเนินการเพื่อสรุปสำนวน พร้อมความเห็นไปยัง อัยการและส่งฟ้องศาลอย่างรวดเร็วและอย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการสอบสวนโดยการมุ่งไปสู่การเสาะหาพยานวัตถุที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
  3. ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล เร่งรัดติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และขอให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบสำนวนคดีในชั้นอัยการอย่างรอบคอบ ก่อนส่งฟ้องศาลเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนไปจากพฤติการณ์แห่งคดีที่ปรากฏชัดแจ้งนี้
  4. ขอให้รัฐบาลหน่วยงานของภาครัฐออกมายืนเคียงข้างประชาชน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมกันประณามผู้ที่มีเจตนาในการทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคมต่อไปในอนาคต

นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวตอนหนึ่งว่า การออกแถลงการณ์ 4 ข้อนี้ ยังไม่ถึงขั้นให้รัฐบาล หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปลี่ยนตัวผู้ทำคดี เพราะ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ก็บอกว่า วันนี้คดีมีความคืบหน้าไป 80 – 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว จะส่งให้อัยการได้ไม่เกินวันที่ 26 มี.ค. จากนี้ทางมูลนิธิจะวิเคราะห์ไทม์ไน์และติดตามคดีนี้ต่อไป

“เราวิเคราะห์ว่า การพกอาวุธปืนเข้าไปในที่ที่ไม่อนุญาต และครอบครองซากสัตว์ป่าขณะนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนข้อทารุณกรรมสัตว์หลุดไปแล้ว แต่ที่สำคัญ “เจตนาล่า ฆ่าสัตว์ป่า” ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ของกรมอุทยานฯ จากพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ซึ่งถ้าท้ายที่สุดสำนวนที่ส่งไปอัยการ หรือถึงศาล ไม่มีเรื่องนี้ ทางมูลนิธิเอง รวมทั้งประชาชนชาวไทยไม่น่าจะยอม และเชื่อว่า ทางกรมอุทยานฯ ก็คงไม่ยอม เพราะถ้าคดีนี้หลุด กระบวนการทำงานของกรมอุทยานฯต่อไปเจ้าหน้าที่ก็จะเสียกำลังใจ ตรงนี้อยากให้สาธารณชนจับให้มั่น” เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

นายศศิน กล่าวด้วยว่า เร็วๆ นี้ทางมูลนิธิและเครือข่ายอนุรักษ์ จะเดินทางไปพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอความมั่นใจ เพราะถ้าพบว่า สำนวนคดีมีการกระทำที่ไม่น่าไว้วางใจ ก็จะขอเปลี่ยนตัวผู้ดูแลสำนวน หรือ ขอให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอเข้ามา

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า