“ธนาคารพาณิชย์” ปรับกลยุทธ์ ชิงเบอร์ 1 ธนาคารดิจิตัล

ปีนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นปีที่ธนาคารพาณิชย์ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต้องดิ้นรนปรับกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่รับมือกับคู่แข่งธนาคารด้วยกัน แต่ต้องรับมือกับความท้าทายทางเทคโนโลยี ตั้งแต่ลดจำนวนพนักงาน สาขา และใช้ตัวแทนธนาคาร หรือแบงก์กิ้ง เอเยนต์

การประกาศลดจำนวนสาขาและพนักงานทั่วประเทศจากซีอีโอ ธนาคารไทยพาณิชย์ เสมือนคำประกาศความพร้อมช่วงชิงความเป็น “ดิจิตัล แบงก์กิ้ง เบอร์ 1 ของประเทศ”

หลังตัดสินใจสร้างต้นแบบธนาคารให้คำปรึกษาการลงทุน และเริ่มต้นทำธุรกิจเอสเอ็มอี รวมทั้งเพิ่มจำนวนเครื่องทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์แทนที่พนักงานตามยุทธศาสตร์

วรวัจน์ สุวคนธ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์

ก่อนเปิดตัว เอสซีบี อะคาเดมี่ หรือ สนามเด็กเล่น ของพนักงาน ให้มีโอกาสสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ตั้งแต่หุ่นยนต์พนักงานต้อนรับ หุ่นยนต์รับคำสั่ง บนสมาร์ตโฟน

รวมทั้งสร้างพื้นที่ฝึกอบรมทักษะตามหลักสูตรเทคโนโลยีธนาคาร ซึ่งจะเปลี่ยนไปทุกๆ 3 เดือน หลังร่วมกับพันธมิตรบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก กระตุ้นพนักงานทุกระดับ ทั้ง 2.7 หมื่นคน ให้ตื่นตัวกับเทคโนโลยี ไอเอ และบล็อกเชน ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอนาคต บนแฟลตฟอร์มดิจิตัล

การขยับทัพของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กต้องดิ้นสู้ เพื่อความอยู่รอดในอุตสาหกรรมนี้ ที่เรียกได้ว่าถูกท้าทายจากเทคโนโลยีมากที่สุด

กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย

อย่าง ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย อาศัยความได้เปรียบจากขนาดองค์กรที่เล็กกว่า จับเทคโนโลยี อี-วอลเลต หรือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ กับแบงก์กิ้งเอเจนต์อย่างผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ จนสร้างฐานลูกค้ารายย่อยได้สำเร็จ

โดยไม่จำเป็นต้องประกาศลดจำนวนสาขา เพื่อลดต้นทุนบริหารจัดการ แต่กลับเตรียมแผนขยายสาขาย่อยๆ ตามร้านสะดวกซื้อ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้ใช้บริการ จึงเชื่อว่าแผนนี้จะช่วยให้สามารถขยับขึ้นเป็นธนาคารขนาดกลางได้ภายใน 5 ปีนี้

เวทีแข่งขันไม่ใช่แค่แข่งระหว่างธนาคารเล็กใหญ่ด้วยกัน แต่แข่งกับเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ตัดตัวกลางในการทำธุรกรรมการเงินได้เกือบทั้งหมด แต่ละธนาคารจึงพยายามสร้างระบบบนบล็อกเชนขึ้นเสียเอง เพื่อให้มีโอกาสอยู่รอดและเติบโตได้มากกว่า ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ถ้าตอบสนองได้ทั้งเทคโนโลยีและลูกค้า ย่อมกลายเป็นผู้นำได้