SHARE

คัดลอกแล้ว

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2561 นี้ เกมแดงเดือดระหว่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” กับ “ลิเวอร์พูล” กลับมาโคจรเจอกันอีกครั้งในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดที่ 30 ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด บ้านของแมนฯยูไนเต็ด

แม้ว่าโอกาสในการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดจะค่อนข้างลำบาก เนื่องจากแมนฯซิตี้ทำคะแนนทิ้งห่างไปมากถึง 10 กว่าคะแนน โดยกุนซือของสองทีม ทั้ง “โชเซ่ มูรินโญ่” และ “เจอร์เก้น คล็อปป์” ต่างก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์คล้ายกันว่าทีมของตนคงหมดสิทธิ์ไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เกมนี้ก็ยังมีความสำคัญคือสถานการณ์ในการแย่งชิงพื้นที่ยูฟ่าแชมเปี้ยนสลีก เพราะอันดับ 2-4 มีคะแนนที่ตามติดกันชนิดหายใจลดต้นคอ (แมนฯ ยูไนเต็ด 62 คะแนน, ลิเวอร์พูล 60 คะแนน และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 58 คะแนน)

ที่สำคัญคือศักดิ์ศรีของทีมปีศาจแดงและหงส์แดงที่ค้ำคอกัน คงไม่มีใครอยากจบอันดับต่ำกว่าอีกทีม

การพบในวันเสาร์นี้จึงได้รับการจับตามองเช่นเดิม และนี่คือ 5 เกมแดงเดือดแห่งความทรงจำในบ้านของแมนฯยูไนเต็ด ที่ทีม Workpoint News รวบรวมมา

 

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2 ลิเวอร์พูล ปี 1995

ความน่าสนใจของศึกแดงเดือดเกมนี้คือ การกลับมาคืนสนามของ “เอริค คันโตน่า” สตาร์ชาวฝรั่งเศสของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากติดโทษแบนนาน 10 เดือน จากกรณีกระโดดถีบ แม็ทธิว ซิมมอนด์ แฟนบอลคริสตัล พาเลซ เมื่อฤดูกาลก่อนหน้านี้ (1994-1995)

แต่ทั้งเกมเกือบโดนรอบบี้ ฟาวเลอร์ หัวหอกดาวรุ่งฟอร์มแรงของลิเวอร์พูลในขณะนั้นขโมยซีน เพราะกดคนเดียว 2 ประตูให้ทีมเยือนนำ 2-1

สุดท้ายเหมือนละครที่ถูกเขียนบทเอาไว้ เพราะแมนฯ ยูไนเต็ดมาได้จุดโทษช่วงท้ายเกม ซึ่งเป็นคันโตน่ารับหน้าที่สังหารตีเสมอให้แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บแต้มสำคัญได้สำเร็จ

 

แมนฯ ยูไนเต็ด 0-1 ลิเวอร์พูล ปี 2000

หลังจากที่แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างปรากฎการณ์คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ เมื่อปี 1999 สถาปนาตัวเองกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดทีมของยุโรป อีกทั้งยังไล่อัดคู่แข่งในลีกกระจุยกระจาย จนบรรดากูรูฟุตบอลยกให้เป็นทีมเต็งแชมป์ก่อนจบฤดูกาลด้วยซ้ำ

ขณะที่สถิติการเจอคู่ปรับสำคัญอย่างลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทัพของ เชราร์ อุลลิเยร์ ทีมปีศาจแดงไม่แพ้ยอดทีมจากเมอร์ซี่ไซด์มาถึง 10 นัด ทำให้แม้แต่เหล่าเดอะค็อป ก็แทบจะทำใจไว้แล้วว่าการมาเยือนโรงละครแห่งความฝันยากที่จะมีแต้มกลับออกไป

ซึ่งอุลลิเยร์เองก็ประกาศกร้าวว่า “ผมให้สัญญาเลย ว่าสักวันเราต้องชนะพวกเขา” และในที่สุดวันนั้นก็มาถึง เมื่อ ลิเวอร์พูล ได้ประตูชัยจากฟรีคิกของ แดนนี่ เมอร์ฟี่ ในช่วงท้ายครึ่งแรกบุกมาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดได้สำเร็จ

 

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล ปี 2009

ในฤดูกาล 2008-2009 ลิเวอร์พูลภายใต้การนำทัพของ “ราฟาเอล เบนิเตซ” ถือเป็นซีซั่นที่ใกล้คียงกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุดครั้งหนึ่งของทีม ด้วยขุมกำลังอย่างเฟอร์นานโด ตอร์เรส, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่

https://www.youtube.com/watch?v=97Vfnf44ZIE

โดยการเจอกับแมนฯ ยูไนเต็ดในซีซั่นดังกล่าวถือว่าสมน้ำสมเนื้อ เพราะทีมปีศาจแดงเพิ่งผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปี้ยนสลีกเมื่อซีซั่นก่อน (2007-2008) ทำให้ทั้งทีมอยู่ในช่วงที่มั่นใจสุดๆ

เกมนี้เจ้าบ้านออกนำไปก่อน จาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล รัวคืน 4 เม็ดรวดจาก ตอร์เรส, เจอร์ราร์ด, ฟาบิโอ ออเรลิโอ และอันเดรีย ดอสเซน่า จากผลดังกล่าวทำให้กลายเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดคารังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ แมนฯ ยูไนเต็ด

 

แมนฯยูไนเต็ด 3-2 ลิเวอร์พูล ปี 2010

เกมนัดนี้เรียกได้ว่าถูกสร้างขึ้นมาให้กับชายที่ชื่อว่า “ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ” เมื่อหัวหอกทีมชาติบัลแกเรีย เจ้าของค่าตัว 30.75 ล้านปอนด์ที่ถูกดึงตัวมาจากสเปอร์เมื่อซีซั่นก่อน โดยกลายเป็นคนแรกในรอบกว่า 60 ปี ที่ทำแฮตทริกในเกมวันแดงเดือดได้

https://www.youtube.com/watch?v=PyCOGqL3ISs

ซึ่งรูปเกมนั้นแมนฯ ยูไนเต็ดนำไปก่อน 2-0 แต่ลิเวอร์พูลมาตีเสมอได้จากจุดโทษและฟรีคิกของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และสุดท้ายเป็นเบอร์บาตอฟ ที่ยิงลูกสุดสวย ด้วยการเกอร์ โอเวอร์เฮดคิกเป็นแฮตทริกที่สมบูรณ์แบบที่นำมาซึ่งชัยชนะของแมนฯ ยูไนเต็ดในที่สุด

 

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 ลิเวอร์พูล ปี 1915

แม้จะเป็นแมตช์ที่เกิดขึ้นนานมาแล้วกว่า 100 ปี แต่ก็เป็นเกมที่ถูกยิบยกมาพูดถึงบ่อยครั้งในวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะเกิด “กรณีล้มบอลที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์” โดยได้รับการจดจำในชื่อว่า “1915 Good Friday Betting Scandal”

ในช่วงเวลาดังกล่าวทั้งสองทีมยังไม่ได้มีเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่เหมือนปัจจุบัน โดยแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นทีมที่หนีตกชั้นส่วนลิเวอร์พูลเป็นทีมกลางตาราง

เกมจบลงด้วยชัยชนะของแมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 แต่มีการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังพบว่า มีการสมรู้ร่วมคิดของนักเตะทั้งสองทีมด้วยการล็อคผลการแข่งขันเพื่อเอื้อต่อการพนัน ส่งผลให้มีคำพิพากษาแบนนักฟุตบอลตลอดชีวิตไปถึง 7 รายด้วยกัน

 

สำหรับในฤดูกาล 2017-2018 เกมนัดแรกในสนามแอนฟิลด์บ้านของลิเวอร์พูลเสมอกันไปแบบจืดชืด 0-0 ซึ่งบรรดาสื่อต่างประเทศก็มีความเห็นตรงกันหลายเสียงว่า มีโอกาสไม่น้อยที่รูปเกมจะออกมาไม่ต่างจากเกมแรก อันเนื่องมาจากทั้งสองทีมต้องระมัดระวังไม่อยากเสียแต้มไป เพราะมี “ตาอยู่” สเปอร์ที่รอฉกฉวยโอกาสจากผลการแข่งขันของคู่นี้นั่นเอง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า