เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 2561 พ.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ สว. (สอบสวน) สภ.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งจาก นายธงชัย อรรคบุตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 บ้านหนองบ่อ ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า ว่า มีชาวบ้านไปหาของป่าพบซากศพคนตายในป่าทึบภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร และอยู่เลยฐานพิทักษ์ป่าบ้านหนองบ่อลึกเข้าไปประมาณ 300 เมตร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ
พร้อมด้วย นายจรูญ บุหิรัญ นายอำเภอบุ่งคล้า ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว พ.ต.อ.ธำรงชัย ไล้ทองดี ผกก. พ.ต.ท.สาโรจน์ ภมร รอง.ผกก.สส.ตำรวจชุดสืบสวน พญ.สมกมล ดอนแก้ว แพทย์เวร รพ.บุ่งคล้า ตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไลจุดบึงโขงหลง
ที่เกิดเหตุเป็นป่าทึบใต้กอไผ่ พบซากศพเพศชายเหลือเพียงกระดูกส่วนเอวลงไปที่ขาติดอยู่ภายในกางเกงยีนส์ ส่วนซี่โครงและกะโหลกศีรษะ กระดูกขา กระดูกแขน กระจัดกระจาย ทั้งหมด 12 จุด ห่างกันราว 20 เมตร และพบร่องรอยช้างป่าจำนวนมากเหยียบย่ำไปมาอยู่บริเวณที่พบซากศพ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และเก็บชิ้นส่วนผู้ตาย นำออกมาตรวจสอบที่ฐานพิทักษ์ป่าบ้านหนองบ่อ
หลังจากตรวจสอบชิ้นส่วนทราบว่า ผู้ตายคือนายวิชิต เพชรสมบัติ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 2 ชาวบ้านหนองบ่อที่ออกจากบ้านเข้าป่าไปตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา แพทย์เวรระบุเสียชีวิตมาแล้ว 1 – 2 เดือน
จากการสอบสวน นายควรคิด เพชรสมบัติ อายุ 40 ปี ยืนยันว่า ผู้ตายคือนายวิชิตพี่ชาย ที่หายตัวออกจากบ้านไป โดยมักจะเข้าป่าขึ้นเขาไปกับพระธุดงค์ หรือไม่ก็เดินทางขึ้นเขาลงเขาภูวัว นำอาหารไปถวายพระธุดงค์อยู่เป็นประจำ ช่วงที่หายตัวไปใหม่ๆ ก็ได้ออกตามหา และมาพบรถ จยย. จอดอยู่ทางเข้าป่าจุดพบศพ จึงนำกลับไปไว้ที่บ้าน
ซึ่งคาดว่าระหว่างทางเดินอาจจะมาพบกับโคลงช้างป่าที่ลงมาหากิน และอาจถูกช้างป่าทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้ ส่วนที่ตัวเองเชื่อว่าเป็นซากศพของนายวิชิต คือ กางเกงยีนส์และโทรศัพท์ที่พบติดโครงกระดูก เพราะเป็นกางเกงยีนส์ของตัวเองที่พี่ชายยืมใส่และโทรศัพท์ก็ชาร์จให้ก่อนออกจากบ้าน แล้วก็ไม่ได้พบกันอีกเลย
นายทวีป คำแพงเมือง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า กรณีดังกล่าว ชาวบ้านเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน บางทีเข้าไปหาของป่าพวกหน่อไม้ เห็ดป่าบ้าง ก็ให้ระมัดระวังช้างป่า หรือแม้กระทั่งอันตรายจากสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่ง จนท. เองก็ทำงานอย่างเข้มงวดตลอดเวลา ที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ช้างป่าจะลงมาหากินบริเวณตามแนวชายป่าทุกปี เพราะว่ามีบ่อน้ำ มีป่าไผ่ที่อุดมสมบูรณ์
ซึ่งข้อเท็จจริงกรณี ชาวบ้านถูกช้างป่าภูวัวทำร้ายนั้น เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพราะช้างก็อยู่ในป่าตลอดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว มีช้างป่าอยู่เกือบ 50 ตัว เบื้องต้นทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จะได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่ญาติผู้ตายเพื่อมนุษยธรรมในการจัดการศพตามประเพณีต่อไป