Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ – อภิสิทธิ์ แนะการเมืองควรยึดระบบถ่วงดุล ผู้มีอำนาจไม่ควรมีส่วนได้เสียเลือกตั้ง เหน็บทุ่มงบ 7 ล้านทำสติ๊กเกอร์ไลน์ ไม่ใช้การประชาสัมพันธ์รัฐบาล 

วันที่ 16 เม.ย. 2561 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวถึงการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.ว่า ข้อสังเกตที่ได้มาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา คือ หลายโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ เพราะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่ตั้งใจ เมื่อเทียบงบประมาณที่ลงไปกับความคุ้มค่าที่ได้รับ มีผลที่ได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเงินงบประมาณที่ลงไปจึงอยากให้ปรับวิธีคิดว่า ทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งจะยั่งยืนและเป็นผลดีต่อภาวะการเงินการคลังด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ตั้งใจให้เกิดปัญหาแต่มองสภาวะเศรษฐกิจไม่ตรงกับความจริงที่เปลี่ยนไปมากกว่า

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึง การทำสติกเกอร์ไลน์ของรัฐบาลว่า รูปแบบที่จะทำไลน์ โดยเอาไลน์ออฟฟิเชียลมาทำจะประชาสัมพันธ์งานของรัฐได้ขนาดไหน เพราะนึกไม่ออกว่าเขาจะเขียนอะไรมา และไม่แน่ใจว่าจะมีคนติดตามมากหมายแต่ไหน และงบที่ใช้ 7 ล้านบาท โดยมีการทำสติกเกอร์ไลน์ สันนิษฐานว่าเป็นรูปนายกฯ และใครอยากได้สติกเกอร์นี้ฟรีก็ไปโหลดมาได้ โดยการมาติดตามตัวไลน์นี้ เขาก็จะสามารถส่งข้อความได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลสามารถทำได้ แต่เป้าหมายการประชาสัมพันธ์คืออะไร และเป็นข้อมูลแบบไหน

นอกจากนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเมืองในประเทศไทยถ้าเราไม่ยึดตัวระบบถ่วงดุลให้เกิดความพอดี ถ้าพูดกันตรงๆ ตอนนี้มาตรา 44 ใหญ่กว่าทุกอย่าง ซึ่งความจริงศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องตีความต่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ ก็ทำให้เราเริ่มศูนย์เสียตัวระบบว่าถ่วงดุลจริงหรือไม่ เวลามีพี่ใหญ่ใช้อำนาจเหนือทุกอย่างบางเรื่องก็ถูกใจ ตนก็ยอมรับ บางที่ก็สะใจว่ามันง่าย รวดเร็ว แต่ความสะใจ พอใจในกรณีนั้นเป็นการเปิดทางให้ไปทำอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งถึงวันนั้นเราอาจจะบอกว่าไม่ใช่ เมื่อเราจะไปต่อต้าน ก็อาจมีคนบอกว่าวันที่คุณสนับสนุน การที่เขาทำแล้วถูกใจก็จะมาค้ำอยู่ ดังนั้นโดยส่วนตัวตนถึงพยายามบอกว่าบางทีสังคมก็ต้องอดทน ระบบที่มีการถ่วงดุลอาจจะช้า ไม่สะใจเสมอไป แต่จะเป็นหลักประกันที่ดีกว่า

ส่วนที่เป็นห่วงเรื่องการใช้มาตรา 44 กับองค์กรอิสระทั้งหลาย โดยเฉพาะกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ว่าจะอยู่ขั้วไหนคิดว่าทุกคนเห็นน่าจะตรงกันว่าการเมืองประเทศไทยถ้าจะเดินไปข้างหน้า 1. ต้องมีเลือกตั้ง และ2. ถ้าเริ่มจากเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรม ตนว่าไม่มีทางที่การเมือจะดีขึ้น บางยุคบางสมัยบอกว่าเราคิดแต่เรื่องการซื้อเสียง แต่การใช้อำนาจรัฐหรือการใช้อื่นเข้ามาแทรกแซงทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม เป็นปัญหาที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการซื้อเสียง และเหตุผลที่มีกกต.มาตั้งแต่ต้นเพราะทุกคนบ่นว่ารัฐเข้าไปเข้าไปมีส่วนได้เสียเพราะเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อมีกกต.ที่เขาบอกว่าเป็นอิสระ แล้วเรายังเปิดโอกาสให้คนใช้อำนาจบริหารเข้าไปแทรกแซง ชี้นำได้ สุดท้ายก็กลับไปสู่ปัญหาเดิมว่าการเลือกตั้งไมสามารถปราศจากการแทรกแซงของการใช้อำนาจรัฐ ทำให้การเลือกตั้งไม่เที่ยงธรรมก็จะกลายเป็นปัญหาความชอบธรรมของระบบประชาธิปไตยอีก

เมื่อถามว่า เมื่อมาตรา 44 ออกโดย คสช. การที่คสช.จะลงเล่นการเมืองจะดูน่าเกลียดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม้ไม่มีส่วนในการเลือกตั้ง ตนก็ยังลังเลว่าจะสามารถใช้อำนาจมาแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระได้ เพราะทำให้ไม่เป็นอิสระ แต่ยิ่งบอกว่าคนที่ใช้อำนาจอาจจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ยิ่งเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น และรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่าหากจะลงเล่นการเมือง ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ต้องลาออก90 วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศ ซึ่งก็ชัดเจนว่าป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน กรณีหัวหน้าคสช.ก็ลงส.ส.ไม่ได้แล้ว แต่ตามตัวอักษรของรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ 1ใน 3 แล้วเจ้าตัวยินยอม แต่คงไม่ค่อยสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเท่าไหร่ เพราะชัดอยู่แล้วว่าไม่ต้องการให้ฝ่ายบริหารมาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จึงทำให้ตนมีความรู้สึกว่าในเรื่องของข่าวจะมีการตั้งพรรคโดยเอารัฐมนตรีมาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นรูปแบบที่แปลกเพราะรัฐมนตรีทั้ง 2คนไม่สามารถลงส.ส.ได้ และไม่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯด้วย คำถามคือ ทำไมต้องเอาคนที่มีอำนาจอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ ในกระทรวงอุตสาหกรรม มาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า