ปรับชายหาดพัทยาคืบหน้า 10% พร้อมเปิดแนวหาดบางส่วน

ประเด็นคือ- เจ้าท่าพัทยา ระบุเสริมทรายชายหาดคืบแล้ว 10% หลังผู้รับจ้างเริ่มเข้าดำเนินการตั้งแต่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมเปิดพื้นที่ปิดกั้นแนวหาดบางส่วน คาดแล้วเสร็จ ต.ค.นี้ เผยการดำเนินการเป็นไปตามแผนที่กำหนด

นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเสริมทรายชายหาดเมืองพัทยา ว่า จากกรณีที่กรมเจ้าท่าได้ว่าจ้าง บริษัท มารีน คอนสตรัคชั่น จำกัด เข้าดำเนินการเสริมทรายบริเวณชายหาดพัทยา ความยาวตลอดแนวชายหาด 2.7 กม. ขนาดความกว้างลึก 35 ม. ขณะนี้ผู้รับจ้างได้มีการเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ในการดำเนินการ พร้อมได้มีการดำเนินการเสริมทรายตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยเริ่มตั้งแต่บริเวณทางทิศเหนือของอ่าวพัทยาใกล้กับโรงแรมดุสิต ซึ่งถือเป็นส่วนแรกที่จะมีการดำเนินการ

โดยปัจจุบันมีการรายงานว่า ผู้รับจ้างได้นำทรายจากแหล่งทรายที่อยู่ทางทิศตะวันตกของ “เกาะรางเกวียน” ในทะเลห่างจากทางทิศใต้ของเกาะล้านออกไปประมาณ 10 กม. เข้ามาในพื้นที่ ที่มีการจัดเตรียมไว้ตรงกลางทะเลพัทยาเหนือ ห่างจากชายฝั่ง 1,000 ม. เพื่อทำการพักชั่วคราว ก่อนที่จะมีการดูดทรายและพ่นลงบนพื้นที่ชายหาดที่ปิดกั้นแนวไว้ในระยะ 200 ม. ก่อนทำการเกลี่ยหน้าทรายและคืนสภาพให้มีความกว้างตามที่กำหนด ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินการคืบหน้าไปแล้วกว่า 10%

ทั้งนี้กรมเจ้าท่าได้มีการส่งเจ้าหน้าที่วิศวกร ผู้ควบคุมงานเข้ามาติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับจ้าง เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งจาการตรวจสอบพบว่าเป็นไปตามแผนงาน

นายเอกราช เปิดเผยต่ออีกว่า ทั้งนี้อยากจะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาด ที่จะได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพอยู่บ้าง ในโซนที่จะมีการปิดกั้นเป็นช่วงๆ ระยะ 200 ม. จากพัทยาเหนือไล่ไปจนถึงปากทางพัทยาใต้ เนื่องจากการดำเนินการเสริมทรายชายหาดมีความจำเป็นจะต้องใช้พื้นที่บางส่วนในการสูบพ่นทราย และปรับเกลี่ยพื้นให้มีความสวยงาม

โดยหากมีการดำเนินการเสริมทรายแล้วเสร็จก็จะทำให้ชายหาดพัทยามีสภาพคืนกลับมาดังเดิมเหมือนอดีต ด้วยจะมีความกว้างของพื้นที่ชายหาดเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้เป็นพื้นที่สันทนาการและพักผ่อนได้มากขึ้น

ผลกระทบจากการเสริมทรายชายหาดพัทยาครั้งนี้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆหลังรอคอยมานาน ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 6-8 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพลมมรสุม และคลื่นลมแรง ที่หากไม่ประสบปัญหาสภาพอากาศเหล่านี้ก็จะทำให้การดำเนินการเสร็จไปตามแผนที่กำหนดแน่นอน