SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ – ชาวชุมชนป้อมมหากาฬจัดงาน ‘อำลา มหากาฬ’ ยุติมหากาพย์การต่อสู้เพื่อสิทธิในที่อยู่อาศัยกับกรุงเทพมหานครที่ยาวนานถึง 26 ปี ก่อนจะย้ายไปอยู่ชุมชนกัลยาณมิตรชั่วคราว

ชาวชุมชนป้อมมหากาฬที่ยังอาศัยอยู่ 13 หลังคาเรือนสุดท้ายรวมตัวกันเพื่อจัดงานอำลาชุมชนป้อมมหากาฬ ท่ามกลางซากบ้านเรือนที่ถูกกรุงเทพมหานครรื้อไปไปเกือบหมดแล้ว โดยตัวแทนชาวชุมชนป้อมมหากาฬ อ่านคำแถลงพร้อมประกาศปิดชุมชนป้อมมหากาฬ ความว่า

“26 ปีของการต่อสู้ เหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เป็นเรื่องยากที่อธิบายได้ว่า เราเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างไร วันที่คนชุมชนป้อมมหากาฬจำต้องเอ่ยคำเชื้อเชิญเพื่อน พี่น้อง มิตรสหาย กัลยาณมิตรทุกคนมารวมกันเป็นครั้งสุดท้าย การรวมพลเพื่ออำลาและปิดฉากชุมชนป้อมมหากาฬ พื้นที่ที่เราพยายามทำทุกทางเพื่อรักษาความเป็นชุมชนเอาไว้ ตลอดระยะเวลา 26 ปี บนเส้นทางนี้เราได้ผ่านทั้งร้อน หนาว ผ่านทุกข์และสุข ได้พบเจอมิตรสหาย กัลยาณมิตรมากมาย มีความทรงจำที่มิอาจลืมเลือนได้ มีการต่อสู้ที่มิอาจลืมลง และขณะเดียวกัน เราก็เผชิญกับการจำพราก ความขัดแย้งและความสูญเสียมากมาย เผชิญกับความเจ็บปวดและอ่อนแอภายในตัวตนของเราเอง สูญเสียมากมาย เผชิญกับแรงเสียดทานที่โถมทับเข้ามาจนเราไม่อาจต้านทานได้อีก และท้ายที่สุด เราจะต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าวันหนึ่งข้างหน้า ชุมชนป้อมมหากาฬอาจเป็นเพียงชื่อเรียกขาน เป็นเพียงเรื่องเล่าบอกต่อกัน ในไม่ช้าก็จะลบหายไปจากประวัติศาสตร์ชนชั้นของมหานครแห่งนี้

มันช่างยากเหลือเกินที่เราจะอธิบายความรู้สึก อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ด้วยตัวอักษรเพียงไม่กี่ประโยค ไม่กี่ย่อหน้า และหวังไปว่ามันจะสามารถสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจได้ว่าเราเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างไร วันนี้เราเจ็บปวด เราจะพยายามเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดนี้ด้วยความหวัง เพราะเป็นเช่นนี้ ในช่วงเวลาสุดท้ายเราจึงอยากบอกเล่าเรื่องราวนี้แก่ทุกคน อยากจะทำให้ชุมชนป้อมมหากาฬได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ที่หวังเหลือเกินว่า ทุกคนที่มีความผูกพันกับพื้นที่แห่งนี้จะมาร่วมกันบันทึกเรื่องราว สร้างความทรงจำครั้งสุดท้ายบนผืนที่แห่งนี้ ในสถานะพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ในวันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย. 2561 นี้

ก่อนที่พวกเราจะเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้บอกกับลูก หลานสืบไปว่าครั้งหนึ่งในชีวิตพวกเรา ชาวชุมชนป้อมมหากาฬได้ต่อสู้กับหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับชุมชน เราสู้เรื่องกฎหมายไม่ได้แน่นอน วันหนึ่งเราจึงต้องจากไป เราอยากให้เรื่องชุมชนป้อมมหากาฬเป็นกรณีศึกษา ในครั้งต่อไปถ้าหน่วยงานภาครัฐจะไล่รื้อชุมชนใดก็แล้วแต่ ก็คงตระหนักถึงชุมชนป้อมมหากาฬว่าพวกเขามีวิถีชีวิตและต่อสู้มายาวนานขนาดไหน สิ่งเหล่านี้จะบอกกับสังคมได้ว่า ชีวิตคนหรือว่าวัตถุกันแน่ที่สำคัญ การที่คุณทำให้ชุมชนต้องล่มสลาย ต้องกระจัดกระจาย ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างไร้ที่อยู่ สุดท้ายแล้วพวกคุณได้ตามดูชีวิตพวกเขาเหล่านั้นหรือเปล่า”

วันนี้ชุมชนป้อมมหากาฬ ต้องปิดฉากลงอย่างถาวร เพื่อคืนพื้นที่ให้กับกรุงเทพมหานคร ดำเนินการตามโครงการปรับปรุงพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ เพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะและอนุรักษ์โบราณสถานของชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาเกาะรัตนโกสินทร์ ทำให้ต้องรื้อถอนบ้านเรือนทั้งหมด 64 บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ 300 ตารางวา ตามกฎหมายเวนคืนที่ดินเมื่อปี 2535 พัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชื่นชมความสวยงามของเมือง

ลำดับการเคลื่อนไหวชุมชนป้อมมหากาฬ รอบ 1 ปี 

7 มี.ค.59     กรุงเทพมหานครให้ข่าวกรณีการให้ชุมชนป้อมมหากาฬ เขตพระนคร จำนวน 57 หลังคาเรือน รื้อย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อจะพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ และชุมชนป้อมมหากาฬ ออกแถลงการณ์
9 มี.ค.59     Centre for Architecture and Human Rights ออกแถลงการณ์ส่งถึงผู้ว่าฯ กทม.
27 มี.ค.59   รวมพลคนป้อมมหากาฬ
28 มี.ค.59   กทม.ติดประกาศให้ผู้อยู่อาศัยในบริเวณป้อมมหากาฬบนพื้นที่เวนคืนของกรุงเทพมหานคร ทำการรื้อและย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 30 เม.ย.59

18 เม.ย.59     ชุมชนป้อมมหากาฬและองค์กรภาคี ออกจดหมายเรื่อง ขอให้มีคำสั่งทบทวนหรือชะลอโครงการหรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อสิทธิชุมชน ถึง รมต.มหาดไทย, รมต.ยุติธรรม, รมต.วัฒนธรรม, รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี และรมต.ท่องเที่ยวและกีฬา
12 เม.ย.59     ครั้งที่ 1 ชุมชนป้อมมหากาฬ และภาคีเครือข่าย ยื่นจดหมายขอทบทวนแผนในการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ และมีการพูดคุยกับตัวแทนคณะอนุกรรมการฯ แต่ด้วยไม่มีความชัดเจนของตัวแทนที่มาร่วมพูดคุยกับชุมชนป้อมมหากาฬ จึงทำให้ชุมชนฯ ตัดสินใจไม่ยื่นจดหมาย และแจ้งนัดหมายขอเข้าพบประธานอนุกรรมการฯ ในวันที่ 20 เม.ย.59
20 เม.ย.59     ครั้งที่ 2 ชุมชนป้อมมหากาฬ และภาคีเครือข่าย ยื่นจดหมายขอทบทวนแผนในการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ ถึงประธานคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ โดยผ่านสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
23 เม.ย.59     งานสมาพ่อปู่ป้อมมหากาฬ
29 เม.ย.59     ชุมชนป้อมมหากาฬส่วนหนึ่งได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนประกาศกรุงเทพมหานคร และขอให้ศาลได้มีคำสั่งทุเลาบังคับตามประกาศ ฉบับดังกล่าว ด้วยนั้น ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับคดีไว้พิจารณา หมายเลขคดีดำ ที่ 619/2559 และอยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาคดี

2 พ.ค.59     ชุมชนป้อมมหากาฬ ทำจดหมายถึงผู้ว่าฯ ขอให้ระงับการดำเนินการตามประกาศกรุงเทพมหานคร โดยอ้างถึง รายงานกระบวนพิจารณา ศาลปกครองกลาง ลงวันที่ 29 เม.ย.59
12 พ.ค.59   นำส่งข้อมูลประกอบผู้ฟ้อง 12 ราย ตามคำขอจากศาลปกครอง
23 มิ.ย.59    เวทีเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินบริเวณป้อมมหากาฬ ระหว่างชุมชนป้อมมหากาฬกับกรุงเทพมหานคร
24 มิ.ย.59    เข้าพบรองผู้ว่าฯ อัศวิน ขวัญเมือง และผู้บริหารกทม. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

1 ก.ค.59     ยื่นจดหมายแก่ นางเตือนใจ ดีเทศน์ ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอความเป็นธรรมต่อกรณีปัญหาชุมชนป้อมมหากาฬ และขอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมชนป้อมมหากาฬอย่างมีส่วนร่วม
10 ก.ค.59   เปิดตัว Public Space พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร ชุมชนป้อมมหากาฬ
16 ก.ค.59   เวทีเสวนา “รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ คือการทำลายประวัติศาสตร์กรุงเทพฯ”
27 ก.ค.59   จดหมายเปิดผนึกจาก the International Alliance of Inhabitants (IAI)ถึง ผู้ว่า กทม. และรัฐบาลไทย แสดงความไม่เห็นด้วยในการรื้อชุมชน

3 ส.ค.59     สนช.ลงพื้นที่ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและข้อเสนอชุมชนป้อมมหากาฬ
5 ส.ค.59     เครือข่ายภาคประชาสังคมและนักวิชาการเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูเมือง แถลงและยื่นจดหมายเปิดผนึกเพื่อเสนอแนวทางในการรักษาคุณค่าพื้นที่ประวัติศาสตร์ชานพระนครให้เป็นสมบัติชาติ เพื่อเสนอต่อ ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
9 ส.ค.59    คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดให้มีเวทีปรึกษาหารือหลายฝ่าย เช่น ผู้แทนผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ผู้แทนอธิบดีกรมศิลปากร ผู้แทนจากสำนัก งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทน ปปช. ผู้แทน สตง. นักกฎหมาย นักวิชาการ ตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬ ตัวแทนประชาคมบางลำพู และสื่อมวลชน ประเด็นสำคัญที่จำเป็นต้องมีการศึกษาและปรับปรุงแก้ไข โดยมีมติร่วมกันให้ คณะอนุกรรมการสิทธิดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกรณีชุมชนป้อมมหากาฬ ที่มีตัวแทนจากภาควิชาการ ภาคกฎหมาย ภาคประชาสังคม เข้ามาร่วมกันศึกษาและพัฒนาข้อเสนอต่อกรุงเทพมหานคร

15 ส.ค.59    กรุงเทพมหานคร ปิดประกาศบริเวณชุมชนป้อมหากาฬ ระบุให้ชุมชนรื้อย้ายออกจากบริเวณป้อมมหากาฬ โดยทางกทม.จะเข้ามาดำเนินการรื้อย้ายให้ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 59 เป็นต้นไป จนกว่าจะแล้วเสร็จ ขณะที่ ชุมชนป้อมมหากาฬ ยังยืนยันแนวทางการบริหารจัดการพึั้นที่ป้อมมหากาฬ ด้วยกระบวนการพัฒนาสวนสาธารณะบนฐานการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อจะทำให้สวนแห่งนี้มีชีวิตชีวา เเละมีคุณค่าทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และสังคมวัฒนธรรม แต่ กทม.อ้างถึงพรฎ.เวนคืน ปีพ.ศ.2535 ก็ดี คำพิพากษาศาลปกครองปีพ.ศ. 2545 ก็ดี บันทึกคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือใดๆก็ดีนั้น จากการประชุมร่วมกันหลายฝ่ายในหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวทีคณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่มีหน่วยงานต่างๆที่กทม.ได้กล่าวอ้างถึงอำนาจนั้น ต่างเห็นพ้องกันว่า ความขัดแย้งดังกล่าวมีทางออกด้วยการทบทวนปรับแก้ข้อกฏหมายเฉพาะกรณีนี้โดยยึดหลักการเรื่องคุณค่าของพื้นที่แห่งนี้เป็นสำคัญ ขณะที่ปัญหานี้มีทางออก แต่กทม.กลับปฏิบัติการโดยไม่รับฟังความอย่างรอบคอบ รอบด้าน และตระหนักถึงความพลวัตรของชุมชน อันรวมทั้งคุณค่าของชุมชนในฐานะพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของคุณค่าและมูลค่าของชุมชนในเขตเมืองเก่าแห่งนี้ โดยชุมชนยังยืนยันว่าไม่ได้ขัดขวางการพัฒนาสวนแต่อย่างใด หากแต่ชุมชนพร้อมที่จะเป็นส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสวนเสมอ

16 ส.ค.59   นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ทำหนังสือถึง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอให้ กทม. ระงับการรื้อถอนชุมชนป้อมมหากาฬไว้ก่อน จนกว่าคณะอนุกรรมการฯจะมีข้อสรุปที่ชัดเจน
17 ส.ค.59   คณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดเวทีปรึกษาหารือพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อหาทางออกต่อกรณีปัญหาชุมชนป้อมมหากาฬ โดยมีนักวิชาการ ผู้แทนคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ฯลฯ โดยได้ช้อสรุปร่วมกัน
18 ส.ค.59   เครือข่ายภาคประชาสังคมและนักวิชาการ เพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูเมือง และตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬ เข้าพบประธานสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
24 ส.ค.59   เครือข่ายภาคประชาสังคมและนักวิชาการ เพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูเมือง และตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬ เข้าพูดคุยให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี
28 ส.ค.59   กิจกรรมชุมชนป้อมมหากาฬ ชมภาพยนตร์ ชิมอาหารคาวหวาน และช๊อปสินค้าชุมชน
30 ส.ค.59   ประกาศหยุดกิจกรรมทุกอย่างภายในชุมชนป้อมมหากาฬ / ปิดชุมชน
31 ส.ค.59   สมาคมสถาปนิกสยาม ยื่นหนังสือด่วนที่สุดถึง กทม. กรมศิลปากร, เครือข่ายภาคประชาสังคมและนักวิชาการเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูเมือง ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า เรื่อง ขอให้แจ้งหยุดการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬและนำแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนฯ ด้วยการมีส่วนร่วมไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงทบทวนแผนแม่บทฯ

1 ก.ย.59   กทม. ติดตั้งป้ายประกาศและผังแสดงอาคารที่เจ้าของโอนกรรมสิทธิ์ให้ กทม.แล้ว
4 ก.ย.59   กทม.เข้าดำเนินการรื้อถอนบ้าน ภายในชุมชนป้อมมหากาฬ โดยมีการเจรจาจนเกิดข้อตกลงร่วมกัน ด้วยการเปิดทางให้รื้อบ้าน 12 หลังตามที่เจ้าของบ้านสมัครใจเท่านั้น ไม่มีการรื้อถอนบ้านไม้โบราณ และเดินหน้าจัดตั้งคณะกรรมการพหุภาคี
3 ก.ย.59   สภาองค์กรชุมชนตำบลระดับชาติ ออกแถลงการณ์หยุดการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ
6 ก.ย.59   เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) ออกแถลงการณ์เรื่อง หยุดไล่รื้อ ชุมชนป้อมมหากาฬ
7 ก.ย.59   เครือข่ายวิชาการเพื่อสังคมเป็นธรรม ออกแถลงการณ์เรื่อง ไม่เห็นด้วยต่อการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ และข้อเสนอว่าด้วยเมืองที่ไม่กีดกันใครออกไป
8 ก.ย.59   ภาคีเครือข่ายเชียงใหม่จัดการตนเอง ออกแถลงการณ์เรื่อง หยุดไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ และสร้างกระบวนการจัดการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างมีส่วนร่วม, ตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬ ตัวแทนชุมชนย่านเมืองเก่า และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมและนักวิชาการเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูเมือง ยื่นจดหมายถึงนายกฯ เพื่อขอจัดตั้ง คณะกรรมการพหุภาคี
10 ก.ย.59   คล้องแขนหน้าป้อม มหากาฬไม่โดดเดี่ยว, ผู้บริหาร ม.รังสิต ออกแถลงการณ์ค้าน กทม.รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ
16 ก.ย.59   เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาค สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนกับชุมชนป้อมมหากาฬ
18 ก.ย.59   Co Create Mahakan
20 ก.ย.59   อ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล พร้อมนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มธ. ลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนป้อมมหากาฬ
21 ก.ย.59   กทม.ปิดประกาศ ระบุข้อความ “พื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ เป็นที่สาธารณประโยชน์ ห้ามมิให้ผู้ใดบุกรุกโดยเด็ดขาด
25 ก.ย.59   เพลินมหากาฬ อาหาร ลิเก
29 ก.ย.59   กางร่ม ห่มป้อม มหากาฬ ไม่โดดเดี่ยว ภาคประชาชนร่วมแสดงพลังกางร่มหน้ากำแพงชุมชนป้อมมหากาฬ เรียกร้องหยุดไล่รื้อ เดินหน้าจัดตั้งคณะกรรมการพหุภาคี
30 ก.ย.59   กทม. เจ้าของบ้านที่จะประสงค์จะรื้อย้าย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ จะเข้ามาดำเนินการรื้อบ้าน จนเกิดการเจรจา ชุมชนไม่ติดขัดเรื่องย้าย แต่ขออย่าเพิ่งรื้อถอนบ้าน จนเกิดการตกลงจะเข้ามาดำเนินการอีกครั้ง 6 ตุลาคม

1 ต.ค.59   อ.วสันต์ พานิช อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ชุมชนป้อมมหากาฬ
3 ต.ค.59   ชุมชนป้อมมหากาฬพร้อมสมาพันธ์คนจนเมือง ร่วมขบวนรณรงค์วันที่อยู่อาศัยโลก พร้อมยื่นหนังสือหยุดไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ แก่รองผู้ว่า ผุสดี ตามไท
5 ต.ค.59   คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ มีการประชุม โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานที่ประชุม  โดยในวาระพิจารณาเรื่องชุมชนป้อมมหากาฬนั้น ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน) ได้เตรียมนำเสนอข้อมูลการพัฒนาเมืองและพื้นที่ป้อมมหากาฬด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วมตามแนวทางประชารัฐ ด้วยมองเห็นศักยภาพของชุมชนป้อมมหากาฬและย่านเมืองเก่า ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ สังคมวัฒนธรรม วิถีความเป็นชุมชน เศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน การท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาเมืองอย่างมีส่วนร่วม  หากแต่ไม่ได้มีการนำเสนอข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด มีเพียงกรุงเทพมหาคร โดยนายศักดิ์ชัย บุญมา ผู้อำนวยการกองกรรมสิทธิ์ สำนักโยธา กรุงเทพมหานคร ได้นำเสนอข้อมูลฝ่ายเดียว ซึ่งได้เสนอข้อมูลให้รื้อเช่นเดิม  ภายหลังการนำเสนอข้อมูลของกทม. แล้วเสร็จ ประธานที่ประชุม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้สรุปให้มีการดำเนินการรื้อ เนื่ิองจากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน พ.ศ.2535 ที่จำเป็นต้องเดินหน้าต่อ แต่ในการดำเนินการนี้ต้องมีการดูแลประชาชน โดยให้หลายหน่วยงาน คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ทหาร ตำรวจเข้ามาช่วยดูแล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนี้ ไม่ได้กำหนดเร่งรัดเรื่องเวลาแต่อย่างใด

6 ต.ค.59   ชุมชนป้อมมหากาฬ แถลง ไม่ได้ขัดในประเด็นข้อกฎหมาย หากแต่ยังเห็นว่า การประชุมดังกล่าวควรที่จะเปิดโอกาสให้มีการนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงต่อกรณีชุมชนป้อมมหากาฬอย่างรอบคอบและรอบด้าน แต่อย่างไรก็ตาม ชุมชนป้อมมหากาฬเคารพต่อข้อสรุปดังกล่าว แต่ก็ยังจะเดินหน้าสื่อสารสร้างความเข้าใจเพื่อขอโอกาสในการเข้าร่วมพัฒนาเมืองและพื้นที่ป้อมมหากาฬตามแนวทางประชารัฐต่อไป
7 ต.ค.59   ยื่นจดหมายแก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เรียกร้องให้เปิดโอกาสรับฟังข้อเสนอจากชุมชนและภาคีเครือข่าย
11 ต.ค.59   Co Create Mahakan 2 ชุมชนป้อมมหากาฬกับทางออกกฎหมาย หลัง 13 ต.ค -งดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ ในชุมชน มีเฉพาะการประชุมชุมชน การทำความสะอาดปรับแต่งชุมชน และการร่วมเป็นจิตอาสางานพระราชพิธี
29 พ.ย.59   กทม.มาติดประกาศเรื่องการดำเนินการรื้อถอนชุมชนป้อมมหากาฬ, ชุมชนออกแถลงการณ์ แสดงจุดยืนต่อประกาศดังกล่าว

10-25 ธค.59   สมาคมสถาปนิกสยามฯ จัดค่ายอาสาสมัครสำรวจรังวัด Mahakan VERNADOC
20 ธ.ค.59 – ผู้นำชุมชนร่วมเวที 100 ปี เจน เจค๊อปส์ แนวคิดและมุมมองต่อการพัฒนาเมือง ตัวแทนชุมชนร่วมงานสมัชชาสุขภาพนำเสนอแนวทาง Co– Creation
24-25 ธ.ค.59 มาหากัน ณ ป้อมมหากาฬ

5 ม.ค.60   ร่วมเวทีเกาะรัตนโกสินทร์ การทับซ้อน และมิติของพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต
7 ม.ค.60   เป็นหนึ่งในพื้นที่เรียนรู้ ค่าย Workshop เดินได้ Behind Bangkok
14-15 ม.ค.60   มาหากัน ณ ป้อมมหากาฬ

14 ก.พ.60   วงคุยร่วมกันของภาคประชาสังคม เอกชน ในย่านเมืองเก่า เพื่อระดมความคิดเห็นร่วมกันขับเคลื่อนจัดตั้งสมัชชาย่านเมืองเก่า เพื่อร่วมกำหนด ออกแบบนโยบายสาธารณะของย่านเมืองที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสุขภาวะของพื้นที่
27 ก.พ.60   การประชุมของกรุงเทพมหานคร เรื่องการดำเนินการรื้อย้ายชุมชนบริเวณป้อมมหากาฬ ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงาน ประกอบด้วย หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ผู้แทน สน.สำราญราษฎร์ สำนักงานเขตพระนคร สำนักการโยธา เข้าร่วมประชุม ที่มีการเปิดเผยภายหลังการประชุมว่าจะเข้ารื้อย้ายบ้านที่พร้อมและยินยอมให้รื้อถอน จำนวน 6 หลัง
2 มี.ค.60   ประกาศกรุงเทพมหานคร ลงวันที่2 มีนาคม พ.ศ.2560 ระบุว่า กรุงเทพมหานครจะเข้าทำการรื้อถอนโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินสัมภาระจำนวน 10 หลัง ได้แก่ บ้านเลขที่ 61 95 107/1-3 127 127/1 203 187 189 191 และ 193
3 มี.ค.60   ชุมชนประสานไปยัง ป.พัน 1 รอ. เพื่อแจ้งให้ กทม.เข้าดำเนินการเก็บขยะจากการรื้อถอนบ้านเมื่อช่วงเดือนกันยายน 59
4 มี.ค.60   กรุงเทพมหานคร เข้าดำเนินการจัดเก็บขยะเศษซากการรื้อบ้านถอนออก พร้อมรื้อบ้านเลขที่ 203 ภายในชุมชนป้อมมหากาฬ
6 มี.ค.60   กรุงเทพมหานคร จะเข้าดำเนินการรื้อถอนบ้านจำนวน 6 หลัง ที่มีการระบุว่าได้รับการยินยอมให้รื้อถอน โดยแจ้งเวลาเข้าทำการ 07.00 น.

สำหรับชาวชุมชนป้องมหากาฬ หลังจากคืนที่แก่กรุงเทพมหานคร ต่างคนต่างก็กระจัดกระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆ บางส่วนยังไม่มีที่ไปต้องอาศัยกับพี่น้องเครือข่าย ชุมชนรถไฟสายสีแดง โดยอนาคตวางแผนจะซื้อที่ดินย่านพุทธมณฑลสาย 2 เป็นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก FB ชุมชนป้อมมหากาฬมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า