ประเด็นคือ – การเดินทางไปสหรัฐฯ ของผู้นำฝรั่งเศส ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่ง นายมาครง ยังเลือกใช้ภาษาอังกฤษ กล่าวกับสภาคองเกรส เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติชาวอเมริกัน
โอลิเวอร์ สโตน ผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังลูกครึ่งฝรั่งเศส เปิดเผยระหว่างไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ ในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่านว่า ตกใจมากที่เห็น ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ยืนเคียงข้าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และยังเรียกร้องให้ทบทวนข้อตกลง ระงับโครงการนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ ทำกับอิหร่าน เมื่อปี 2558

โอลิเวอร์ สโตน ผู้สร้างภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง อาทิ JFK , Alexander มหาราชชาตินักรบ, Snowden
“ประธานาธิบดี ฌากส์ ชีรัก เคยปฏิเสธ นายจอร์จ บุช อย่างไม่สะทกสะท้าน ตอนที่ บุชต้องการรุกราน อิหร่าน (ปี 2546) แล้วดูคนหนุ่มคนนี้สิ คนที่ไม่มีเซนส์เรื่องประวัติศาสตร์ ไม่จดจำธรรมเนียมยิงใหญ่ของฝรั่งเศส ช่างน่าเศร้านัก” โอลิเวอร์ สโตน กล่าว
เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายทรัมป์ และ นายมาครง เรียกร้องขอทำข้อตกลงใหม่กับอิหร่าน เพื่อจะจำกัดโครงการขีปนาวุธ และสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง โดยทรัมป์ ขู่จะถอนตัวจากข้อตกลงปัจจุบัน แลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งมีเส้นตาย 12 พฤษภาคมนี้
การปรากฏตัวของ นายมาครง ที่สหรัฐฯ ครั้งนี้ แสดงออกถึงความสนิทสนมกับ นายทรัมป์ อย่างเห็นได้ชัด โดยทรัมป์ ได้จัดงานเลี้ยงสุดหรูต้อนรับผู้นำฝรั่งเศส พร้อมภริยา นอกจากนี้ นายมาครง ยังใช้ภาษาอังกฤษ ในการกล่าวถ้อยแถลงกับสภาคองเกรส เมื่อวันที่ 25 เมษายนตามเวลาท้องถิ่นด้วย
The two presidents had literally embraced each other, repeatedly talking up their much-vaunted friendship during the trip, but in his speech to Congress Macron rigorously pushed back against Trump’s trade, climate and non-proliferation policies https://t.co/V0Jo10rL53 pic.twitter.com/dpEC9r8X2q
— AFP news agency (@AFP) 26 เมษายน 2561
After a morning trip to the Library of Congress, French President Emmanuel Macron finished his last evening in the US in dialogue with college students while Brigitte Macron visited teens at the Duke Ellington School of the Arts pic.twitter.com/KSBO9zeDAT
— AFP news agency (@AFP) 25 เมษายน 2561
After the hugs and kisses, Macron rips Trumpism | Analysis by @StCollinson https://t.co/M9qIWLslJS pic.twitter.com/qbeImKSVMb
— CNN (@CNN) 25 เมษายน 2561