ประเด็นคือ – หลังจากมีผู้ปกครองร้องเรียนปัญหาเรื่องชุดนักเรียนราคาแพง แม้จะมีบางแห่งขายให้ในราคาถูกแต่ก็พบว่า ไม่มีคุณภาพ ด้านอธิบดีกรมการค้าภายใน ยอมรับว่า ราคาชุดนักเรียนแพงจริง โดยผู้ผลิตเตรียมขอปรับขึ้นราคา เนื่องจากต้นทุนสูงและไม่ได้ปรับมากว่า 10 ปีแล้ว
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ผลิตชุดนักเรียนขอปรับขึ้นราคามา 1 ราย เนื่องจากต้นทุนปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2% และไม่ได้ปรับราคามานานกว่า 10 ปีแล้ว จึงยื่นหนังสือขอปรับราคาเข้ามา ประมาณ 3-5% หรือชุดละประมาณ 6-10 บาท และคาดว่าหลังจากนี้อาจจะมีผู้ผลิตชุดนักเรียนรายอื่นๆเสนอขอปรับราคาเข้ามาอีก
พร้อมกันนี้ ได้ขอความร่วมมือในการตรึงราคาไปก่อน และอาจจะค่อยปรับขึ้นหลังเปิดเทอม เพื่อช่วยดูแลค่าครองชีพให้กับผู้ปกครองในช่วงใกล้เปิดเทอม ซึ่งชุดนักเรียนเป็นค้าที่กรมการค้าภายในติดตาม หากจะขอปรับขึ้นราคาไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องส่งหนังสือมาให้กรมการค้าภายในรับทราบและชี้แจงต้นทุนที่เหมาะสมก่อน

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน
ขณะเดียวกันภาครัฐได้สนับสนุนค่าชุดนักเรียนให้กับผู้ปกครอง ตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา จนถึงอาชีวะศึกษาด้วย โดยก่อนประถมศึกษาให้ค่าชุดนักเรียนไม่เกิน 300 บาทต่อชุดต่อคนต่อปี คนละไม่เกิน 2 ชุด, ระดับประถมศึกษา ให้ค่าชุดนักเรียน 360 บาทต่อชุดต่อคนต่อปี, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ให้ค่าชุดนักเรียนไม่เกิน 450 บาทต่อชุดต่อคนต่อปี, มัธยมศึกษาตอนปลายให้ค่าชุดนักเรียน 500 บาทต่อชุดต่อคนต่อปี, และระดับอาชีวศึกษาให้ไม่เกิน 900 บาทต่อชุดต่อคนต่อปี ซึ่งเมื่อซื้อแล้วผู้ปกครองสามารถนำใบเสร็จมาเบิกกับทางโรงเรียนได้
ก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้แถลงถึงการจัดงาน “รวมใจ..เพิ่มสุข..ช็อปสนุก..ลดรับเปิดเทอม” ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ถึง 13 พ.ค. 2561 รวม 18 วัน เพื่อลดภาระค่าครองชีพผู้ปกครองในช่วงใกล้เปิดเทอม ซึ่งสินค้าที่นำมาลดราคาจะแตกต่างกันตามคุณภาพของผ้าเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเลือกได้ตามกำลังซื้อ
โดยได้รับความร่วมมือจาก ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ จำนวน 14 รายกว่า 13,500 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียน จำนวน 4 ราย ได้แก่ ร้านศึกษาภัณฑ์ ของกระทรวงศึกษาธิการ ร้านน้อมจิตต์ ห้างตราสมอ และร้านสมใจนึก จะมีการลดราคาจำหน่ายสูงสุดถึง 70% ทั้งสินค้าเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน เช่น ชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน เครื่องเขียน รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ซึ่งคาดว่างานดังกล่าวจะมีเงินสะพัดกว่า 20,000 ล้านบทท ช่วยลดภาระค่าครองชีพได้ ล้านบาท กว่า 6,000 ล้านบาท หรือ กว่า 30% ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ได้