คนแห่ช่วยแม่ลูก 5 ชีวิต ขนำพัง ไม่มีแม้ข้าวกิน

ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยเหลือครอบครัวแม่ลูก 5 ชีวิต ฐานะยากจน ชาว ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ล่าสุดยอดเงินบริจาคกว่า 2 แสนบาท ขณะที่เครือข่ายหลายภาคส่วนเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

จากกรณีที่ข่าวเวิร์คพอยท์นำเสนอชีวิตครอบครัวนางอรอนงค์ ปานแดง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ม.7 ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ อาศัยอยู่กับลูกเล็กๆ 4 คน อายุระหว่าง 8 เดือน จนถึง 7 ปี ภายในขนำเก่าๆ สภาพทรุดโทรม ทำให้ต้องไปอาศัยอยู่ใต้ถุนบ้านญาติ เป็นที่พักพิงชั่วคราว สภาพน่าเวทนา หลังสามีคือ นายสมศักดิ์ หลานสัน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนางอรอนงค์ก็ต้องคอยดูแลลูกๆ 4 คนเพียงลำพัง โดยไม่ได้ทำงาน ขณะที่นายก อบต.พรุดินนา เข้ายื่นมือช่วยเหลือ มอบข้าวสารอหารแห้ง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความช่วยเหลือ

ความคืบหน้าวันที่ 3 มิ.ย. 61 สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี  พร้อมด้วยสมาชิกชมรมสหกรณ์อิสลามกระบี่ นำโดย ดร.ภญ.เกศแก้ว เจ๊ะโส้ รองประธานสภาฯ และนายกสมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดกระบี่, นายสำราญ เจ๊ะโส้ ประธานด้านสิทธิประโยชน์ฯ, นายเอกรัญ แดงโต๊ะเห อนุกรรมการฝ่ายในประเทศ, นายอาบี ยะลา รองประธาน ชมรมสหกรณ์อิสลามกระบี่ และนายวุฒิสาร เจสาสน์ เลขานุการ ได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวนางอรอนงค์ เพื่อมอบข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม และสอบถามข้อมูลสภาพความเป็นอยู่ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือ โดยมีนายเติม จันทร์ส่องแสง นายกอบต.พรุดินนา และชาวบ้านให้การต้อนรับ

ดร.ภญ.เกศแก้ว กล่าวว่า สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ เป็นองค์กรกลางที่พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความลำบาก หรือประสบภัยต่างๆ ไม่แบ่งแยกว่าจะนับถือศาสนาใด และมีความรวดเร็วในการช่วยเหลือ เช่น การช่วยเหลือทั้งด้านการครองชีพ ตลอดจนถึงการดูแลเรื่องการศึกษาบุตรหลาน ซึ่งในรายของครอบครัวนางอรอนงค์นั้น หากมีความประสงค์ที่จะให้บุตรได้มีการศึกษา ทางเครือข่ายฯ ก็ยินดีให้การสนับสนุน

ขณะที่นายเติม จันทร์ส่องแสง นายก อบต.พรุดินนา กล่าวว่า หลังจากที่มีการเสนอข่าวออกไป ปรากฏว่ามีพี่น้องประชาชนหลั่งไหลให้ความช่วยเหลือจำนวนมาก และเป็นที่น่ายินดีที่มีองค์กรศาสนาอิสลามยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วย

ส่วนเรื่องที่อาศัยนั้น ตอนนี้ พมจ.กระบี่ มีงบประมาณมาให้ 20,000 บาท จัดซื้อวัสดุมาสร้างบ้านพักให้ นางอรอนงค์ เพื่อจะได้อาศัยกับลูกๆ ไม่ต้องไปอาศัยใต้ถุนบ้านแล้ว โดยชาวบ้านก็มาช่วยกันสร้างให้ โดยไม่คิดค่าแรง ส่วนเรื่องการเรียนของลูกคนโต 2 คน ทางโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ได้รับเด็กไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ใจบุญหลั่งไหลโอนเงินเข้าบัญชี ของนางอรอนงค์ จำนวนมากกว่า 2 แสนบาทแล้ว ซึ่งจะได้หาแนวทางในการบริหารจัดการในการใช้จ่าย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับครอบครัวมากที่สุด