SHARE

คัดลอกแล้ว

หลังจาก “ข่าวเวิร์คพอยท์” นำเสนอเรื่องราวของคุณยุ้ย สาวตาบอดทั้งสองข้างจากการทำงาน และสามีทิ้งให้เลี้ยงลูกวัยขวบกว่าเพียงลำพัง ได้มีชาว จ.ฉะเชิงเทรา ประสงค์บริจาคดวงตาให้ แต่จักษุแพทย์ระบุ ทำไม่ได้ เพราะเป็นคนเป็นกับคนเป็น

หลังจากที่ “ข่าวเวิร์คพอยท์” นำเสนอเรื่องราวของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือยุ้ย สาววัย 26 ปี จังหวัดบุรีรัมย์ พิการตาบอดสองข้าง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการทำงานที่โรงหลอมเหล็ก ซึ่งนำเสนอไปเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2561 ต่อมา “คุณพายัพ รอดเมือง” ชาวบ้านจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ติดต่อทีมข่าวเพื่อขอบริจาคดวงตาให้คุณยุ้ยนั้น

ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน 2561 ฝ่ายข่าวเวิร์คพอยท์ ได้รับการติดต่อจาก นายพายัพ รอดเมือง ชาวบ้านจังหวัดฉะเชิงเทรา วัย 59 ปี ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ครึ่งตัว และมือซ้ายอ่อนแรง แสดงความประสงค์ขอบริจาคดวงตาให้คุณยุ้ย 1 ข้าง ทีมข่าวจึงลงพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า นายพายัพอาศัยอยู่กับหลานสาว 1 คน อยู่ในบ้านชั้นเดียว สภาพทรุดโทรม

https://www.youtube.com/watch?v=eW9C7fz7wXA

โดยนายพายัพเล่าว่า ตนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ เพราะประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มปี 2541 ในช่วง 2 ปีแรก พิการตั้งแต่คอลงไป ร่างกายขยับไม่ได้ ทำการรักษาด้วยการผ่าตัดที่คอ 2 ครั้ง และทำกายภาพบำบัดมาตลอด จนสามารถใช้แขนข้างขวาได้ และขาพอยืนได้ แต่ต้องใช้ walker ช่วงพยุงและทรงตัว หลังจากประสบอุบัติเหตุทำให้ตนต้องพิการ ทำให้ครอบครัวแตกสลาย ลูกชายสองคนแยกย้ายไปทำงานต่างที่ จนตอนนี้ไม่ได้ส่งเสียค่าใช้จ่ายให้ มีรายได้จากเบี้ยคนพิการ 800 บาท และหลานสาว (ลูกของพี่สาว) ช่วยดูแล และให้ค่ารถไปหาหมอ

ส่วนเหตุผลที่ต้องการบริจาคดวงตา เพราะสงสารคุณยุ้ยที่ต้องพิการดวงตา ขณะที่ต้องดูแลลูกยังเล็ก และแม่เริ่มแก่ชรา ซึ่งตนมองว่าอวัยวะของตนที่ยังใช้งานได้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้พิการรายอื่น เดิมทีเคยติดต่อขอบริจาคดวงตาให้กับผู้เข้าแข่งขันรายการหมอลำฝังเพชร แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทีมงานแจ้งว่าไม่สามารถทำได้ ต่อมาดูข่าวคุณยุ้ยผ่านเวิร์คพอยท์นิวส์ จึงตัดสินใจติดต่อมาอีกครั้ง โดยการบริจาคนี้ไม่ต้องการสิ่งใด เพียงอยากช่วยเหลือคนอื่นให้กลับมาใช้ชีวิตได้ ทำมาหากินได้ เลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่เฒ่าได้ ส่วนตนมีดวงตาเหลือข้างเดียวก็เพียงพอ เพราะชีวิตนี้ไม่สามารถทำงานประกอบอาชีพได้อีก ทำใจกับความพิการที่รักษาไม่ได้มากว่า 20 ปี จึงมองว่าดวงตาของตนจะให้แสงสว่างกับคุณยุ้ย ซึ่งจะมีประโยชน์มากกว่า

ทางทีมข่าวได้ต่อสายระหว่างนายพายัพ กับคุณยุ้ย ได้สนทนาผ่านระบบวิดีโอคอลล์ เพื่อให้ทั้งสองคนได้ถ่ายทอดความรู้สึกต่อกัน ซึ่งนายพายัพได้ให้กำลังใจคุณยุ้ย และฝากให้ดูแลดวงตาให้ดีที่สุด ใช้ดวงตาที่กลับมามองเห็นอีกครั้งทำมาหากิน เลี้ยงดูบุพการี และดูแลลูกให้ดี ด้านคุณยุ้ยร้องไห้แสดงความตื้นตัน และสอบถามถึงเหตุผลที่บริจาคดวงตาให้ตน โดยขอให้นายพายัพหายเจ็บป่วย

นางสาว สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือ ยุ้ย ได้แสดงความรู้สึกหลังได้พูดคุยกับ นายพายัพ ว่า รู้สึกดีใจมาก ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนเสนอบริจาคดวงตาให้ ถ้าตนกลับมามองเห็นอีกครั้ง สัญญาว่าจะเดินทางไปขอบคุณ และตอบแทนบุญคุณนายพายัพ ซึ่งที่ผ่านมาตนอยู่ในโลกมืดมานาน 7 ปี และดีใจมากที่จะได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งแรก ซึ่งลูกอายุประมาณ 1 ขวบ 3เดือน

ทั้งนี้ ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ได้รับทราบจากนายพายัพ ผู้ที่ติดต่อขอบริจาคดวงตาให้กับคุณยุ้ย ว่าเคยมีประสบการณ์ความสูญเสียอวัยวะ ทำให้ครอบครัวประสบปัญหาแตกแยก และมีอุปสรรคในการทำอาชีพ ที่ความพิการทำให้การหารายได้นั้นไม่เพียงพอ จึงอยากเป็นผู้ให้ในช่วงบั้นปลายชีวิต สร้างชีวิตให้ผู้อื่นได้มีชีวิตใหม่ โดยมีความประสงค์อยากได้รถวีลแชร์ไฟฟ้า หรือวีลแชร์ที่มีคันโยกบังคับล้อ เพื่อให้สามารถเดินทางไปพบแพทย์ได้สะดวกขึ้น รวมทั้งในอนาคตหากเหลือดวงตา 1 ข้าง การใช้ชีวิตจะลำบากขึ้น คาดว่าถ้าได้วีลแชร์มาจะทำให้ตนเคลื่อนย้ายตนเองได้ง่ายขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อบริจาควีลแชร์ไฟฟ้าได้ที่ น้องหญิง (หลานสาว) โทรศัพท์ 09-2864-6109

ขณะที่ผู้ใจบุญก็ได้บริจาคช่วยเหลือน้องยุ้ยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมียอดบริจาคแล้วกว่า 1,470,000 บาท (หนึ่งล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) ซึ่งน้องยุ้ยก็ตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งไปสร้างบ้านให้สามารถกันแดด ฝน และปลอดภัยกว่าเพิงสังกะสีที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา เลี้ยงดูแม่ ตัวเอง และลูกชาย พร้อมขอบคุณทั้งผู้ใหญ่ใจบุญ ส่วนราชการทุกภาคส่วนที่มาให้ความช่วยเหลือตนเองได้หลุดพ้นจากชะตากรรม และขอประกาศปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (7 มิ.ย. 61) “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” ได้นำข้อมูลไปปรึกษากับจักษุแพทย์ แพทย์หญิง ชญาตา เหลี่ยมศิริเจริญ จักษุแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญกด้านกระจกตา โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาคดวงตาว่า โดยขั้นตอนแล้ว ดวงตาที่จะเปลี่ยนถ่ายให้กับผู้ป่วยได้ จะต้องเป็นดวงตาของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยทำเรื่องบริจาคกับสภากาชาดไทย ซึ่งแพทย์จะควักลูกตาทั้งดวงเก็บรักษาในน้ำยาแช่เย็น จะอยู่ได้ 14 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ทางสภากาชาดไทยจะติดต่อไปยังคนไข้และโรงพยาบาลที่จองคิวรอรับดวงตา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลารอคิวประมาณ 3 – 4 ปี เนื่องจากมีคนบริจาคดวงตาน้อยมาก อาจเพราะจากความเชื่อที่ว่า บริจาคดวงตาจะทำให้ชาติหน้ามองไม่เห็น

ส่วนกรณีที่ นายพายัพ รอดเมือง ชาวบ้านจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ต้องการบริจาคดวงตาให้ นางสาว สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือ ยุ้ย ถือว่าเป็นกรณีแรกๆ ที่คนเป็นต้องการบริจาคดวงตาให้คนเป็น แต่ตามกฎหมายและจริยธรรมของแพทย์นั้นไม่สามารถทำได้ ทั้งต้องมีการตรวจว่ามีโรคติดต่อหรือไม่ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี เอชไอวี และโรคติดต่ออื่นๆ ซึ่งถ้ามีจะไม่สามารถให้บริจาคได้ เนื่องจากจะทำให้เกิดการติดโรคต่อกัน ทั้งในการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายดวงตาทั้งดวง ในประเทศและทั่วโลกยังไม่เคยทำ เนื่องจากส่วนด้านหลังดวงตามีเส้นประสาทนับร้อยเส้น ไม่สามารถเชื่อมประสาทได้ ทำได้เพียงผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาเท่านั้น

สำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา แท้จริงแล้วคือการเปลี่ยนกระจกตา หรือตาดำเท่านั้น โดยแพทย์จะนำดวงตาผู้ที่บริจาคที่เสียชีวิตแล้วมาเฉือนเฉพาะตาดำ หรือกระจก ใส่ลงในดวงตาของผู้ป่วย ซึ่งการรักษาจะต้องดูปฏิกิริยาว่า กระจกตาจะปฏิเสธต่อผู้ป่วยหรือไม่ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ร้อยละ 10 – 15 เท่านั้น ส่วนค่ารักษาพยาบาล หากเป็นผู้ป่วยในหลักประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองจะอยู่ในหลักประกัน เพียงแต่ต้องรอดวงตาบริจาคจากสภากาชาดไทย

ส่วนกรณี นางสาว สุนิสา หรือยุ้ย ต้องการรักษาดวงตา หากเป็นที่กระจกตา สามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้ โดยนายพายัพไม่ต้องบริจาค แต่ทั้งนี้ต้องมาให้แพทย์ทำการตรวจหาสาเหตุของอาการเสียก่อน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า