SHARE

คัดลอกแล้ว

จากผลสำรวจ “ซูเปอร์โพล” เผยความคิดเห็นคนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่า ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางนำเข้าขยะพิษมากที่สุดในโลก เพราะต้นตอทุจริต ด้วยการว่าจ้างตกแต่งบัญชีบริษัทขาดทุน 

วันที่ 11 มิ.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงขยายผลจากการเข้าตรวจค้นโรงงานที่นำเข้าขยะอิเลกทรอนิกส์มาในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดยังไม่พบว่ามีหน่วยงานใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำเข้าขยะเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่จากการตรวจสอบบัญชีโรงงานเหล่านี้พบว่ามีการฉ้อฉลภาษี ด้วยการว่าจ้างคนไทย ตกแต่งบัญชีให้บริษัทขาดทุน

ขณะเดียวกันมีการสำรวจความคิดเห็นของคนไทยเกี่ยวกับการนำขยะพิษเข้ามาในประเทศไทยของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางนำเข้าขยะพิษมากที่สุดในโลกดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลไทยประกาศห้ามนำเข้าขยะพิษเข้ามาในประเทศเหมือนประเทศจีน

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยผลสำรวจ เรื่องการนำเข้าขยะพิษในประเทศไทยกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ 1,037 ตัวอย่าง ซึ่งดำเนินการระหว่างวันที่ 2-9 มิ.ย. ที่ผ่านมา

พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.7 ระบุว่า เป็นไปได้ที่ไทยจะกลายเป็นประเทศศูนย์กลางการนำเข้าขยะพิษมากที่สุดในโลกเพราะต้นตออยู่ที่มีการทุจริตกันมาก เห็นแก่เงิน ประชาชนขาดวินัย รัฐบาลทำงานไม่ดี ระบบราชการไทยหละหลวม ไม่มีหน่วยงานจัดการขยะที่ดี และการตรวจสอบไม่เข้มงวดรัดกุม ทั้งยังไม่ทันสมัย ขณะที่ ร้อยละ 35.3 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้

และร้อยละ 82.8 ระบุว่า กลุ่มธุรกิจชาวจีนเป็นผู้นำเข้าขยะพิษเข้ามาในไทย รองลงไปคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ นอกจากนี้เสียงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.9 แสดงออกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยควรจะประกาศเรื่องห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เหมือนประเทศจีน ทั้งนี้คนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.5 ยังเห็นด้วยในประเด็นที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขกฎหมายด้วยการเพิ่มบทลงโทษแก่ขบวนการธุรกิจนำเข้าขยะพิษ

ทั้งนี้ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 69.9 ยังไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลและหน่วยราชการไทยจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยจากขยะพิษ ที่สำคัญคนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.1 เห็นว่ารัฐบาลและหน่วยราชการไทยยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ที่มากเพียงพอเพื่อให้ประชาชนรับรู้ถึงอันตรายจากขยะพิษ

ด้าน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการตรวจสอบบริษัทที่นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ว่า เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีหน่วยงานใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย แต่เกิดจากช่องว่างของกฎหมายที่กรมศุลกากรไม่สามารถตรวจตู้คอนเทนเนอร์ได้ทุกตู้ จึงมีการใช้ช่องว่างนี้ปล่อย ให้เล็ดลอดเข้ามา ซึ่งขณะนี้อธิบดี กรมศุลกากรได้ประสานให้ตรวจเอกซเรย์ผลิตภัณฑ์ขยะเม็ดพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดแล้วในการที่ให้ สตช.ส่งรายชื่อบริษัทที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ขยะหรือเศษพลาสติกให้กรมศุลกากรตรวจสอบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้มีการสำแดงเท็จนำขยะเข้ามา

ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมได้ร่วมกับอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมควบคุมมลพิษ เข้าตรวจสอบมาตรฐานโรงงานและมลพิษทางน้ำ อากาศ และฝุ่นละอองให้ครบถ้วน รวมถึงรอบนอกโรงงานว่ามีการปล่อยน้ำเสียลงสู่สาธารณะหรือปล่อยควันพิษหรือไม่ จากนั้นกรมควบคุมมลพิษจะเก็บตัวอย่างมาดำเนินคดีทางอาญาและทางแพ่งต่อไป

ทั้งนี้กรมสรรพากรให้ข้อมูลว่าทั้ง 12 บริษัท 26 โรงงาน ไม่มีบริษัทไหนเลยที่มีบัญชีภาษีที่ถูกต้อง แต่จะจ้างคนไทยที่เป็นนักบัญชีแต่งรายได้ว่าขาดทุน มีเพียงไม่กี่บริษัทที่จ่ายเพียง 90,000 บาทต่อปี จึงเป็นการฉ้อฉลเรื่องภาษีด้วย

ส่วนจะดำเนินคดีกับนอมินีที่ถือหุ้นอย่างไร พล.ต.อ. วิระชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางคดี แต่ก็จะมีการดำเนินคดีกับนักบัญชีที่ไปช่วยแต่งบัญชีฉ้อฉลภาษีจนทำให้เกิดความเสียหายบ่อนทำลายประเทศ นอกจากนี้ยังพบว่ามีอีกหลายแห่งที่ขยะพิษถูกนำไปทิ้งที่ห่างไกลความเจริญประชาชนไม่มีปากเสียง เรื่องนี้จึงต้องฝากผู้นำชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ให้ปล่อยปละละเลยจนเกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนต่อไป

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า