ตอบข้อสงสัยแผนฟื้นฟูทีมหมูป่า

ทีมหมูป่าถูกช่วยออกมาจากถ้ำแล้ว 8 คน แบ่งเป็นรอบแรก 4 คน อายุ 14-16 ปี และรอบสองอีก 4 คน อายุ 12-14 ปี ทั้งหมดกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยแพทย์ระบุว่า น้องๆ ทุกคนปลอดภัยดี แต่ยังต้องเฝ้าดูอาการที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 7 วัน

เพราะทีมหมูป่าติดอยู่ในถ้ำหลวงโดยที่ไม่ได้กินอาหารนานกว่า 10 วัน ทำให้ร่างกายของพวกเขาปรับเข้าสู่โหมด ‘เซฟพลังงาน’ เพื่อเอาชีวิตรอด ดังนั้นทั้งระบบย่อยอาหาร ปริมาณน้ำและแร่ธาตุในร่างกายจึงต้องการระยะเวลาฟื้นฟูให้กลับมาสู่ภาวะปกติ

ทีมหมูป่าจึงต้องกินอาหารทางการแพทย์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายนมที่มีสารอาหารสูงอย่างน้อยครึ่งวันหลังจากนั้นค่อยปรับเป็นอาหารอ่อน ก่อนทีมแพทย์จะพิจารณาให้กินอาหารปกติที่ย่อยง่ายและรสไม่จัดได้ตามลำดับ

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงเมื่อเช้านี้ (10 ก.ค.) ว่าร่างกายของน้องๆ ปรับตัวได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้กินอาหารที่เป็นเจลมาก่อนแล้วตอนอยู่ในถ้ำ ล่าสุดหมูป่าชุดแรกบอกว่าอยากกิน ‘ขนมปังทาช็อกโกแลต’ ซึ่งทีมแพทย์ได้อนุญาติให้กินได้ แต่สำหรับ ‘ผัดกะเพรา’ ทีมหมูป่าคงรอต่อไปอีกระยะหนึ่ง

การที่น้องๆ ติดอยู่ในถ้ำเป็นเวลานาน ทั้งยังอดอาหาร ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ อาจติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งในเบื้องต้นแพทย์พบว่า ทั้ง 8 คนมีเม็ดเลือดขาวสูง จึงให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแล้ว

นอกจากนั้น น้องๆ ยังต้องอยู่ใน ‘ห้องแยกโรค’ โดยแบ่งเป็น 2 ชุด ตามรอบที่ได้รับการช่วยเหลือออกมา รวมทั้งอยู่แยกจากบุคคลอื่นๆ

นพ.เจษฎา แถลงว่า ครอบครัวของหมูป่า 4 คนแรกที่ออกมา ได้เข้าเยี่ยมน้องๆ แล้วผ่านห้องกระจกเมื่อค่ำวันที่ 9 ก.ค. แต่ยังคงต้องรอผลตรวจเลือดจากห้องแล็บ 1-2 วัน ว่าไม่มีอาการติดเชื้อหรือมีโรคอุบัติใหม่ จึงจะอนุญาตให้ครอบครัวเข้าเยี่ยมได้

โดยต้องสวมชุดป้องกัน หน้ากากอนามัย และพบปะพูดคุยกับน้องๆ ได้ในระยะห่าง 2 เมตร ตามมาตรการควมคุมโรค ดังนั้นครอบครัวจะยังไม่สามารถกอดหรือสัมผัสใกล้ชิดได้ฃ

เนื่องจากภายในถ้ำมีความอับชื้นสูงและอาจมีสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค เมื่อทีมหมูป่าติดอยู่ในถ้ำหลายวันทำให้มีความเป็นไปได้ที่น้องๆ อาจติดเชื้อโรคต่างๆ ได้

ดังนั้น แพทย์จึงต้องเจาะเลือดและส่งตัวอย่างไปตรวจหาการติดเชื้อหรือโรคอุบัติใหม่ที่แล็บในโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยจะทราบผลตรวจภายใน 1-2 วัน

ภายในถ้ำมีความชื้นสูงและอุณหภูมิต่ำ อาจทำให้น้องๆ เป็นปอดบวม แพทย์จึงต้องเอ็กซเรย์เพื่อตรวจดูว่าปอดมีอาการผิดปกติหรือไม่ ซึ่งจากการเอ็กซเรย์พบว่า หมูป่า 2 คน จาก 4 คนแรก มีอาการปอดอักเสบเล็กน้อย แพทย์จึงได้ให้ยาและเฝ้าดูอาการต่อ แต่ทั้ง 8 คนไม่มีไข้ และทำกิจกรรมประจำวันได้เป็นปกติ

ตามหลักวิชาการ คนที่อดอาหารนานๆ จะขาดวิตามินบี 1 แพทย์จึงให้วิตามินบี 1 กับน้องๆ ผ่านทางหลอดเลือดดำ เช่นเดียวกับการให้น้ำเกลือ นอกจากนั้นยังฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักและป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าด้วย

เมื่อถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แพทย์พบว่าร่างกายของน้องๆ ทีมหมูป่าทุกคนมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ คาดว่าเป็นผลจากการดำน้ำนาน 4-6 ชั่วโมง แพทย์จึงต้องใช้เครื่องให้ความอบอุ่นปรับอุณหภูมิร่างกายของน้องๆ ซึ่งล่าสุดเมื่อเช้านี้ (10 ก.ค.) นพ.เจษฎา แถลงว่าอุณหภูมิร่างกายของทั้ง 8 คน กลับมาปกติแล้ว

ทีมหมูป่าติดอยู่ในที่มืดเป็นเวลานาน เมื่อออกมาภายนอกจึงต้องสวมที่ปิดตาเพื่อป้องกันไม่ให้เจอแสงจ้าในทันที ล่าสุด จักษุแพทย์ตรวจการมองเห็นพบว่า 4 คนแรก สายตาปกติดี และได้นำที่ปิดตาออกแล้ว

ส่วนอีก 4 คนที่ออกจากในวันที่ 2 แพทย์ยังให้สวมที่ปิดตาอยู่ โดยวันนี้ (10 ก.ค.) ช่วงสายๆ จักษุแพทย์จะตรวจสายตาของน้องๆ อีกครั้งหนึ่ง

เพราะทีมหมูป่ายังต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อให้ทีมแพทย์เฝ้าดูอาการอย่างน้อย 7 วัน ถึงจะกลับบ้านได้ ดังนั้นน้องๆ คงต้องดูถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศทางโทรทัศน์ไปก่อน

หนึ่งในขั้นตอนฟื้นฟูสุขภาพของทีมหมูป่าคือ ‘การเยียวยาจิตใจ’ ในเบื้องต้นได้มีการส่งจิตแพทย์เข้าไปพูดคุยกับน้องๆ แล้ว พบว่าทุกคนสามารถตอบโต้ได้ดี มีความสดใจร่าเริง อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังคงต้องเฝ้าติดตาม ‘ภาวะเครียดหลังประสบภัย’ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่ต้องเผชิญกับเหตุวิกฤติต่างๆ

ติดตามข่าวที่น่าสนใจได้ที่ http://www.workpointnews.com

Facebook / https://www.facebook.com/WorkpointNews/

Instagram / https://www.instagram.com/workpointnews/

Twitter / https://twitter.com/WorkpointShorts