หอการค้า เชื่อพลิกเหตุการณ์ “ช่วยทีมหมูป่า” เป็นโอกาสช่วยท่องเที่ยวไทย

ภาพจาก เพจ Air Force Media by Kawin AFU

หอการค้าไทย ประเมิน เหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ไม่กระทบเศรษฐกิจมากนัก ขณะที่ภารกิจช่วยทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี่ อาจช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป และเอเชียบางประเทศเข้าไทยเพิ่มขึ้น 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าจากกรณีข่าวการช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมนักฟุตบอลและโค้ชหมูป่าอะคาเดมี่ที่โด่งดังทั่วโลก เชื่อว่าน่าจะมีผลเชิงบวกต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทย เช่น เดียวกับการเร่งช่วยเหลือและมาตรการเยียวอย่างเร่งด่วนผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต แม้จะกระทบท่องเที่ยวระยะสั้น แต่จะสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวไทยได้ สะท้อนจากดัชนีบริการกลุ่มธุรกิจนำเที่ยวอยู่ที่ 51.4 ซึ่งสูงกว่าระดับปัจจุบันที่อยู่ที่ 49.3

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ขณะที่นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับปัญหาของผู้ประกอบการภาคบริการ คือ ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจบริการยังต่ำ โดยเฉพาะการเผชิญกับธุรกิจข้ามชาติ บุคลากรยังมีทักษะด้านบริการไม่ดีพอ ขาดความสะดวกและรวดเร็วในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว และโอกาสเข้าถึงสินเชื่อและบริการทางการเงินค่อนข้างยาก รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว มีความเห็นจากภาคการท่องเที่ยว ที่ก็มองตรงกันว่าควรพลิกเหตุการณ์ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ให้เป็นโอกาสสร้างจุดท่องเที่ยว จุดเชคอิน ใหม่ๆ ของทั้งคนไทยเเละต่างชาติได้

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดตัวดัชนีภาคบริการเป็นครั้งแรก  และพบว่า แม้ภาพรวมภาคบริการจะอยู่ในระดับที่สูง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ยังมีบางกลุ่มที่ยังไม่ได้ประโยชน์ หรือ ได้รับผลกระทบจากการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นำเที่ยว กีฬาและสันทนาการ รวมทั้งธุรกิจบริการส่วนบุคคล

ดัชนีภาคบริการที่ได้จัดทำเป็นครั้งแรก โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากภาคบริการ 10 กลุ่มธุรกิจ เช่น สถาบันการเงิน ท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคาร อสังหาริมทรัพย์ ขนส่งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมี.ค. – มิ.ย. 2561 ซึ่งครอบคลุมภาคบริการร้อยละ 80 ของภาคบริการทั้งหมด พบว่าดัชนีภาคบริการประจำเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 51.1 เพิ่มขึ้นจาก 50.2 ในเดือนพฤษภาคม 2561 ซึ่งแม้ว่าดัชนีภาคบริการจะต่ำกว่าเดือนมีนาคมที่ 52.4 และ เมษายนที่ 53.3 แต่ดัชนีภาคบริการเกินระดับ 50 ทุกเดือน ซึ่งสะท้อนเห็นการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ที่มาจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี

ภาพจาก เทศบาลตำบลเวียงพางคำ