SHARE

คัดลอกแล้ว

ทีมหมูป่า เปิดใจกับสื่อครั้งแรกหลังออกจากถ้ำหลวง เผยเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ต่อจากนี้จะไม่ใช้ชีวิตประมาท หมอภาคย์ ระบุ โค้ชเอกเป็นคนเลือกใครออกจากถ้ำก่อน-หลัง โดยมาจากความสมัครใจ ลาแพทย์-พยาบาล กลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว

หลังชาวไทยทั้งประเทศ และทั่วโลกเข้าช่วยเหลือ และเอาใจช่วยในภารกิจพาทีมหมูป่าอะคาเดมี ทั้ง 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน  จ.เชียงราย ตั้งแต่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา

https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/694948930874388/

ซึ่งวันนี้ (18 ก.ค. 61) เป็นการเปิดใจกับสื่อมวลชนครั้งแรก ผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทย มี ‘สุทธิชัย หยุ่น’ นักข่าวนักหนังสือพิมพ์ชื่อดังเป็นพิธีกร โดยหมูป่า มากันครบทั้งทีม 13 คน นำโดยโค้ชเอก เอกพล จันทะวงษ์ พร้อมด้วย พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน และหน่วยซีลอีก 3 นาย ที่เข้าไปทำหน้าที่ดูแลหมูป่า หลังจากนักดำน้ำชาวอังกฤษไปพบที่เนินนมสาว เมื่อวันที่ 2 ก.ค. จนกระทั่งพาทุกคนออกจากถ้ำ และสิ้นสุดภารกิจเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางสื่อทั้งไทย และต่างประเทศ ที่เกาะติดการแถลงข่าวในครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังมี นายประจบ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และนักจิตวิทยา 2 คน ได้แก่ พญ.พัชนีวรรณ อินต๊ะ จิตแพทย์หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชทั่วไป และนางอัปษรศรี ธนไพศาล นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ที่ช่วยดูแลและคัดเลือกคำถามสำหรับทีมหมูป่า มาร่วมในการแถลงข่าว

น้องอดุลย์ ที่พูดภาษาอังกฤษเจ้าของเสียงตอบ “13 คนครับ” กับนักดำน้ำชาวอังกฤษ ได้เล่าถึงช่วงที่มีนักดำนำชาวอังกฤษไปเจอว่า วันนั้นได้ยินเสียงคนคุยกัน โค้ชเอกสั่งให้เงียบฟัง พอมั่นใจว่า มีคนมาแน่ๆ จึงคว้าไฟฉายจากเพื่อนวิ่งลงมาดู และได้ทักทายเป็นภาษาอังกฤษกับนักดำน้ำ ตอนนั้นทุกคนตื่นเต้น และยอมรับว่าดีใจมาก เพราะเป็นความหวังแรกในรอบ 10 วันที่ต้องติดอยู่ในถ้ำ

เมื่อพิธีกรถามว่า เข้าถ้ำทำไม โค้ชเอกเป็นคนชวนใช่หรือไม่ โค้ชเอก ตอบว่า เขาไม่ได้เป็นคนชวน และไม่ได้เป็นการฉลองวันเกิด แต่เป็นการปรึกษาหารือกันว่า อยากไปถ้ำหลวง เพื่อศึกษาถ้ำ เพราะหลายคนยังไม่เคยเข้าไป  ซึ่งวันนั้นกำหนดเวลาไว้ว่า จะเข้าไป 1 ชั่วโมง และจะกลับออกมาก่อน 17.00 น. โดยได้เข้าไปถึงจุดที่เลยเนินนมสาว ซึ่งเรียกว่า เมืองลับแล หรือ เมืองบาดาล เป็นแหล่งน้ำ

โค้ชเอก ยืนยันว่า เด็กๆ ทุกคนว่ายน้ำเป็น แต่บางคนอาจไม่เก่ง พอเดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่า จะเลยว่า 1 ชั่วโมง จึงตัดสินใจกลับ แต่พอถอยมาถึงโถงสามแยกก็เจอน้ำ จึงให้น้องถือเชือกไว้ โดยตนดำน้ำออกไปดู ปรากฏว่า ข้างล่างมีแต่ทราย ข้างบนเป็นหิน จึงกระตุกเชือกให้น้องดึงกลับ แล้วก็คิดว่า ต้องหาทางออกใหม่ และได้ให้ทุกคนช่วยกันใช้หินขุดร่องเพื่อจะระบายน้ำ แต่ปรากฏว่า ยิ่งขุดน้ำก็ไม่ลด ตอนนั้นใกล้ค่ำแล้ว จึงพากันหาที่นอนบนเนินทรายสูง โดยก่อนนอนตนได้พาน้องๆ ไหว้พระ และคิดว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ วันพรุ่งนี้น้ำคงลด

เด็กๆ เล่าการดำรงชีวิตในถ้ำว่า พวกเขาใช้วิธีดื่มน้ำจากหินย้อยในถ้ำ ซึ่งสะอาดเหมือนน้ำเปล่าประทังชีวิต โดยพวกเขาไม่ได้นำอาหารอะไรติดตัวเข้าไปเลย และทุกๆ วันก่อนที่จะมีคนมาพบ จะผลัดกันไปขุดผนังถ้ำเพื่อหาทางออกได้ประมาณ 3-4 เมตร นอกจากนี้ โค้ชเอกได้ให้เด็กๆ ประหยัดการใช้ไฟฉาย และให้อยู่นิ่ง

โค้ชเอก เสริมว่า ระหว่างนั้นมีบางคนที่เคยมาเข้าค่ายในถ้ำหลวง บอกว่า เจ้าหน้าที่เคยบอกว่าปลายถ้ำมีทางออก แต่เราคิดว่ามันอยู่ไกลมาก และถ้าเดินหน้าไป เราจะไปได้แค่ครั้งเดียว จึงตัดสินใจอยู่ตรงจุดเดิมรอการช่วยเหลือ แต่ไม่ได้หวังรอให้มีคนมาช่วยอย่างเดียว ได้ขุดผนังถ้ำเพื่อหาทางออก

น้องไตตั้น ซึ่งอายุเพียง 11 ปีบอกว่า ช่วงที่อ่อนแรง จะมีอาการหน้ามืดและหิว แต่ก็พยายามจะไม่นึกถึงกับข้าว เพราะจะทำให้หิวมาก

โค้ชเอก เป็นตัวแทนของน้องๆ เล่าถึงวันที่ได้รู้ว่า จ่าแซม หรือ นาวาตรีสมาน กุนัน อดีตนักทำลายจู่โจมใต้น้ำได้สละชีวิตว่า ประทับใจจ่าแซมที่สละชีวิต เพื่อช่วยเหลือพวกเรา วันที่รู้ทุกคนช็อกว่า จริงเหรอพอรู้สึกก็เสียใจมาก รู้สึกว่า เหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุ ทำให้ทางครอบครัวต้องเสียใจต้องเดือดร้อน โดยทั้ง 13 คนเตรียมอุปสมบทหมู่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับจ่าแซมด้วย

จากนั้นทีมหมูป่า ได้โชว์ภาพจ่าแซม ที่ได้ร่วมกันวาด และเขียนข้อความอาลัยถึงครอบครัวของจ่าแซม ระบุใจความสำคัญว่า ขอแสดงความเสียใจ ขอให้ท่านสู่สุขคติ ขอขอบพระคุณท่านที่ได้เสียสละ ทั้งกายและใจ ขอแสงความเสียใจต่อครอบครัวคุณจ่าอย่างสุดใจ… . ก่อนทิ้งท้ายว่า ขอให้คุณจ่าหลับให้สบาย ขอขอบพระคุณจากใจจริง…

หมอภาคย์ รวมทั้งหน่วยซีล โดยเฉพาะ “พี่ใบเตย” ที่กลายเป็นขวัญใจเด็กๆ เพราะได้อยู่ด้วยกันในถ้ำถึง 9 วัน ได้เล่าถึงวีรกรรมสนุกๆ ที่ได้ทำด้วยกัน เพราะในถ้ำ พี่ใบเตยไปถึงแก้ผ้าเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว เพราะ wet suit เปียกหมด แล้วเอาฟอยด์ที่เหลือๆ มาห่อเป็นชุด เด็กๆ บอกว่า โป๊

ส่วนน้องมาร์ค บอกว่า ตัวเองรู้สึกกับพี่ใบเตยเหมือนพ่อ เพราะพี่ใบเตยเรียกผมว่า ลูก โค้ชเอก เล่าต่อว่า เด็กๆ ชอบพี่ๆ หน่วยซีลทั้งพี่ใบเตย พี่มาร์ค พี่ป้อม และหมอภาคย์ที่เข้าไปอยู่ด้วยกันถึง 9 วัน อยู่ในนั้นทุกอย่างต้องแบ่งกัน ทั้งอาหารและทุกอย่าง โดยหมอภาคย์บอกว่า เห็นเด็กๆ ก็เหมือนลูก

พอมาถึงวันที่ต้องเลือกว่าใครจะออกมาจากถ้ำ โค้ชเอกได้ถามความสมัครใจ ทุกคนก็ตอบว่า “ใครก่อนก็ได้ไม่ซีเรียส” ซึ่งตามแผนในวันแรกคัดเลือกไว้ 6 คน แต่เนื่องจากอุปกรณ์ไม่พอ น้องมาร์ค หนึ่งในคนที่ถูกเลือก จึงต้องรอเป็นวันที่ 2 และได้ออกจริงในวันสุดท้าย จึงถึงขั้นละเมอว่า “อยากกินโจ๊ก”

หมอภาคย์ ยังเปิดเผยว่า “พอเจอเด็กแล้ว หัวหน้าชุดซีล จัดทีม 4 คนรวมหมอภาคย์เข้าไปอนุบาลเด็กให้แข็งแรงก่อน สิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คือดำน้ำออกไปทางเดิม เพราะดำเข้ามายากมาก ในใจอยากให้เจาะโพรงเข้ามาน่าจะปลอดภัย และรอระดับน้ำลดลง เอาเสบียงมาส่งอยู่ให้ได้ 1-2 อาทิตย์ แผนแรกคือคอย แผนสองคือดำน้ำออกไป ในใจคิดเหมือนกันว่า ดำน้ำจะไหวไหม เพราะเป็นเด็กทั้งนั้น

แม้ว่าเด็กๆ จะพูดคุยสนุกสนานและสดใส แต่เมื่อถามถึงบทเรียนจากเหตุการณ์ที่ต้องประสบภัยครั้งนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาจะไม่ประมาท เป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่ ทำให้มีความอดทนและเข้มแข็งมากขึ้น และที่สำคัญ พวกเขาจะไม่เข้าไปในถ้ำอีกแล้ว พร้อมได้กล่าวขอโทษพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะทุกคนไม่ได้บอกพ่อแม่ตามความจริง บอกเพียงว่าจะไปซ้อมบอล

จากนั้น ผู้ร่วมแถลงข่าวทุกคนได้ ก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยน้อมสำนักในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงพระราชทานกำลังใจ และสิ่งของต่างๆ ในภารกิจครั้งนี้

นอกจากนี้ ทีมหมูป่า เผยว่า อยากเรียนให้จบสูงๆ อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และหลายๆ คนเผยว่าหลังเหตุการณ์นี้ ยังอยากเป็นหน่วยซีลอีกด้วย

ทั้งนี้ หลังการจบการเปิดใจกับสื่อ ทีมหมูป่าได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้พร้อมกันทุกคน ซึ่งนักจิตวิทยาได้ฝากให้สังคม และสื่อให้โอกาสเด็กๆ สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติและมีพื้นที่ส่วนตัว เพื่อพัฒนาการที่ดีต่อไป

 

อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว   
ยูทูบ: workpoint news   
ทวิตเตอร์: workpoint news   
อินสตาแกรม: workpointnews

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า