SHARE

คัดลอกแล้ว

สภาพอากาศที่น่าจับตา มีพายุในมหาสมุทรแปซิฟิกพร้อมกันถึง 5 ลูก ขณะที่พายุเซินติญ พัดถล่มเวียดนามทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน เตือนภาคอีสาน – ภาคเหนือ อาจมีฝนตกหนักอีกระลอก 

เมื่อเวลา 21.50 น. ของวันที่ 22 ก.ค. แบบจำลองสภาพอากาศ (วาฟ-รอม) ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ระบุว่า ขณะนี้ พายุเซินติญ ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนอีกครั้ง และวกกลับเข้าเวียดนามตอนบน อาจส่งผลกระทบกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนบนของไทย

นอกจากนี้ วาฟ-รอม ยังตรวจสอบพบ การเกิดพายุในมหาสมุทรแปซิฟิกพร้อมกัน ถึง 5 ลูก ที่คุ้นเคยคือ พายุอ๊อมปึล (Ampil) , พายุเซินติญ (Son-Tinh) และอีก 3 ลูกคือ THIRTEEN , FOURTEEN และFIFTEEN โดยขณะนี้ มีเพียง “พายุเซินติญ” ที่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย

(บ้านเรือนในประเทศเวียดนามได้รับความเสียหายจาก พายุเซินติญ)

มีรายงานว่า พายุเซินติญได้พัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของฮานอย ตั้งแต่คืนวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 คน สูญหาย 16 คน และบาดเจ็บอีก 14 คน บ้านเรือนกว่า 5,000 หลังต้องพังเสียหาย และบางส่วนจมอยู่ใต้บาดาล พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายกว่า 500,000 ไร่

ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 4 วันที่ 23 ก.ค. 2561 มีคำเตือนเรื่อง “พายุดีเปรสชั่นบริเวณอ่าวตังเกี๋ย” ซึ่งพายุลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 23-24 กรกฎาคม 2561 โดยจะส่งผลกระทบ ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง วันนี้กทม. และปริมณฑล มีฝนตกประมาณร้อยละ 40 ของพื้นที่

เดือนตุลาคม ปี 2555 มีพายุเข้าถล่มเวียดนาม พายุไต้ฝุ่นลูกนั้นก็ถูกตั้งชื่อว่า พายุเซินติญมาแล้ว ซึ่งไม่แน่ใจว่า เป็นความบังเอิญหรือไม่ ที่ชื่อของ เซินติญ วนกลับมาเป็นชื่อของพายุลูกล่าสุดที่เข้ามาสร้างความเสียหายในเวียดนามตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว การตั้งชื่อพายุ เป็นการช่วยให้เจ้าหน้าที่ติดตามมันได้สะดวก ชื่อของพายุ จะตั้งตามรายชื่อที่มีอยู่แล้วใช้วนตามลำดับอักษร โดยเป็นชื่อที่ได้รับการเสนอจากกลุ่มประเทศที่อยู่บนคาบสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกตอนบน และทะเลจีนใต้

ข้อมูลจาก  BBC

อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว   
ยูทูบ: workpoint news   
ทวิตเตอร์: workpoint news   
อินสตาแกรม: workpointnews

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า